สงขลาพอเพียง : เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพจังหวัดสงขลา - Songkhla Health

หนุนเสริมภาคี ประสานความร่วมมือ

กิจกรรม 2 การสัมมนาแนวทางการพัฒนาการสอนเพศศึกษา

photo  , 248x186 pixel , 27,196 bytes.

การสัมมนาเชิงปฏิบัติการแนวทางการพัฒนาการเรียนรู้เพศศึกษา
หัวข้อ เพศศึกษาเครื่องมือสร้างภูมิคุ้มกันเยาวชน 27 กรกฎาคม 2548  ณ โรงแรมไดอิชิหาดใหญ่ จ.สงขลา

กระบวนการและผลของกิจกรรมที่เกิดขึ้นในเวที เวทีสัมมนาเริ่มเวลา 09:00 น. โดยมีครูเข้าร่วมสัมมนาเป็นจำนวน 30 คน จาก......โรงเรียน ที่อยู่ในเขตพื้นที่การศึกษา 2 จังหวัดสงขลา ด้วยการกล่าวต้อนรับและชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ของการจัดเวทีสัมมนาครั้งนี้ คือ เพื่อให้ครูได้ตระหนักถึงความจำเป็นของการสอนเพศศึกษาและทำความเข้าใจในประเด็นต่างๆในการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาให้กับนักเรียน สภาพปัญหาทางเพศที่เกิดขึ้นจากการขาดการเรียนรู้เพศศึกษา สิ่งที่ก่อให้เป็นปัญหาและรูปการที่ปรากฏอยู่ของประเด็นทางเพศกับเด็กเยาวชน และทางออกโดยการจัดการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษากับเยาวชน การสัมมนาครั้งนี้ดำเนินงานในความรับผิดชอบของกลุ่มมานีมานะ ได้แนะนำทีมวิทยากรในการสัมมนา ได้แก่ อ.สุคนธจิต วงษ์เผือก ผู้เชียวชาญด้านละครการศึกษา การปฏิรูปการศึกษา และการจัดกระบวนการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษา จากคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และ คุณโตมร อภิวันทนากร วิทยากรประจำโครงการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้เพศศึกษาด้วยกิจกรรมทางการละคร จากกลุ่มมานีมานะ เป็นทีมวิทยากรกระบวนการสัมมนาตลอดการสัมมนาครั้งนี้

กลุ่มสัมพันธ์สร้างบรรยากาศ กิจกรรมเริ่มต้นด้วยกิจกรรมเกมเพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับครูผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกท่านด้วย 2 เกม • สวัสดีนานาชาติ เป็นการทักทายกันในรูปแบบ 3 ชนชาติ คือ ไทย ญี่ปุ่น ฝรั่ง ทั้งท่าทางและภาษา • คอเดียวกัน ครูแต่ละท่านได้สืบหาคนที่มีรสนิยม ความชอบ อย่างเดียวกันกับตนและสัมภาษณ์พูดคุยถึงสิ่งที่ชอบแต่ละอย่างนั้นกันและกัน

การเชื่อมโยงความคิดจากเวทีก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะเริ่มสัมมนาเข้าสู่เนื้อหาหลักของการสัมมนาครั้งนี้ ขอให้ผู้เข้าร่วมได้ทบทวนถึงผลความคิดจากเวทีสัมมนาครั้งก่อน เพื่อเชื่อมโยงความต่อเนื่องของเวที และเป็นการจุดประกายนำไปสู่การอภิปรายแลกเปลี่ยนกันในช่วงแรกของการสัมมนา ด้านความรู้พื้นฐานที่มี ด้านทัศนคติ ความเชื่อ ค่านิยม พฤติกรรมทางเพศที่แสดงออก o การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย อารมณ์และสังคม เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น  การดูแลปฏิบัติตนเข้าสู่วัยรุ่น o การแบ่งแยกเพศ o การดูแลสุขอนามัย o อารมณ์ของเด็กวัยรุ่น o ความแตกต่างระหว่างวัยรุ่นหญิงกับวัยรุ่นชาย o ระดับความรู้ที่เด็กมีอยู่ประมาณ 50% o รู้ความต้องการทางเพศ การช่วยเหลือตัวเอง ยังไม่มีประสบการณ์เรื่องเพศสัมพันธ์ o ระดับความรู้ยังไม่ชัดเจน o การปรับตัวอยู่กับเพื่อนได้
o การมีเพศสัมพันธ์กันก่อน เป็นการยืนยันความรักความจริงใจต่อกัน o มีเพศสัมพันธ์วัยเรียนเป็นเรื่องปกติ o มีแฟนเป็นเรื่องที่ดี เพศตรงข้ามสนใจเป็นความโก้เก๋ o ถ้าไม่มีแฟนจะเชย o ผู้ชายเป็นผู้ทำ ผู้หญิงเป็นผู้ตาม o ละอายเมื่อพูดถึงเรื่องเพศ o ลดความสำคัญการรักนวลสงวนตัว o ผู้ใหญ่มีเพศสัมพันธ์ได้เด็กก็มีได้ o การแสดงออกเรื่องเพศเป็นความเท่ห์ o มีแฟนเร็วถือว่าเก่ง o การมีคนให้ดอกไม้เป็นคนมีคุณค่า o รู้จักสถานเริงรมย์เป็นคนทันสมัย o ต้องคบเพื่อนต่างเพศถึงจะมีคุณค่า o ผู้ชายต้องเข้มแข็ง ผู้หญิงอ่อนแอ
o การแสดงออกมากเกินไปในเรื่องความรัก แสดงออกว่าชอบเพศตรงข้ามอย่างเปิดเผยทั้ง สายตา คำพูดและการกระทำ ส่วนใหญ่ผู้หญิงโทรหาผู้ชาย o เลียนแบบพฤติกรรมทางเพศดารา o แต่งตัวเพื่อให้เพื่อนต่างเพศสนใจ o ผู้หญิงจะตื้อผู้ชายมากขึ้น o แสดงพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจจากเพศตรงข้าม o ชอบเปิดเผยตนเองเมื่อมีแฟน o เลียนแบบพฤติกรรมจากรุ่นพี่หรือผู้ใหญ่โดยขาดวิจารณญาณ o หยอกล้อ กระเซ้าเย้าแหย่ แกล้งเพศตรงข้าม o ดูซีดีโป๊ o เอาใจใสเรื่องความสะอาดมากขึ้น o ปรึกษากับเพื่อนเรื่องเพศ o ถูกเนื้อต้องตัวแบบคนรัก o พูดจาหยาบคายเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ o ผู้หญิงเผลอผู้ชายหอมแก้ม

ค้นหาลักษณะเยาวชนที่เข้มแข็งต่อปัญหาเรื่องเพศและ แนวทางการจัดการเรียนรู้ให้เยาวชน แนวทางการจัดการเรียนรู้ให้เด็กเข้มแข็งของกลุ่ม 1 สร้างความตระหนักในตนเองให้กับเด็ก เช่น กิจกรรมเยี่ยมบ้านได้รับรู้ปัญหาภายในครอบครัว เพื่อนำมาจัดการเรียนการสอนให้ตรงตามปัญหา / กิจกรรมธนาคารความดี /กิจกรรมแนะแนว โดยให้ความรู้เรื่องเพศศึกษา / กิจกรรมกีฬา ศิลปะและดนตรี เพื่อเป็นการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ / กิจกรรมโรงเรียนพุทธ / ใช้สื่อวีดีทัศน์ที่ทันสมัย ในด้านบวก

แนวทางการจัดการเรียนรู้ให้เด็กเข้มแข็งของกลุ่ม 2 • เน้นความรู้คู่คุณธรรม เช่น ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
มีความอดทนต่อความอยากลำบาก เชื่อฟังผู้ใหญ่ ประหยัดใฝ่รู้ • สอนให้เกิดสติปัญญา ใช้ปัญญาในการตัดสินใจ ในการแก้ปัญหา • สายตาแหลมคม มองการณ์ไกล มองอนาคตให้เยอะ
หาความรู้อยู่เสมอ อ่านหนังสือ ดูทีวี คิดตาม วิเคราะห์ถึงเหตุและผล
• ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นอย่างมีความเป็นประชาธิปไตย • จิตใจเข้มแข็งร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง มีคุณธรรมเป็นเครื่องเกาะยึด • ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

แนวทางการจัดการเรียนรู้ให้เด็กเข้มแข็งของกลุ่ม 3 • สอนให้รู้จักตนเอง...รู้เพศตัวเองที่ชัดเจน..รู้จักการวางตัวให้เหมาะกับ เพศ....รู้จักสถานะของตนเอง รู้หน้าที่ของตนเอง ให้เหมาะสมกับวัย และหมวกที่สวมอยู่ ตระหนักถึงคุณค่าของตัวเอง โดยเฉพาะผู้หญิง วางตัวให้ถูก วางตัวให้เหมือนกับเพศแม่ • รู้จักผู้อื่น...เรียนรู้เพื่อนรอบข้าง...การอยู่ร่วมกันในสังคม • รู้จักการปรับตัว ทันเหตุการณ์ ทันการเปลี่ยนแปลง สอนให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง • สอนด้านคุณธรรมและจริยธรรม ศาสนา • อนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม เพื่อเป็นแหล่งเกาะยึดจิตใจ • รู้จักครองตน....รู้จักเอาตัวรอด จากเหยื่อของสังคม

สรุปแนวทางการจัดการเรียนรู้ให้เด็กเข้มแข็ง • สอนให้รู้จักตนเอง...รู้เพศตัวเองที่ชัดเจน..รู้จักการวางตัวให้เหมาะกับเพศ....รู้จักสถานะของตนเอง รู้หน้าที่ของตนเอง ให้เหมาะสมกับวัย และหมวกที่สวมอยู่ ตระหนักถึงคุณค่าของตัวเอง โดยเฉพาะผู้หญิง วางตัวให้ถูก วางตัวให้เหมือนกับเพศแม่ • รู้จักผู้อื่น...เรียนรู้เพื่อนรอบข้าง...การอยู่ร่วมกันในสังคม • รู้จักการปรับตัว...ทันเหตุการณ์...ทันการเปลี่ยนแปลง...สอนให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง • สอนด้านคุณธรรมและจริยธรรม ศาสนา • อนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม เพื่อเป็นแหล่งเกาะยึดจิตใจ • รู้จักครองตน....รู้จักเอาตัวรอด จากเหยื่อของสังคม

เรื่องเพศศึกษาควรสอนหรือไม่ในระดับประถม ยังเป็นข้อถกเถียง หลังจากที่ได้นำเสนอประมวลความคิดจากเวทีสัมมนาครั้งก่อนให้แก่ครูผู้เข้าร่วมสัมมนาแล้ว ขอเปิดเวทีเพื่ออภิปรายกันอย่างกว้างๆ ถึงประเด็นต่างในการสอนเพศศึกษา หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สถานการณ์ของเด็กที่อยู่ในการเรียนการสอนของแต่ละคน สรุปประเด็นต่างๆ ได้ดังนี้ • ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนการสัมมนาครั้งนี้ ทางเขตพื้นที่ได้จัดการสัมมนาใช้หลักสูตรเพศศึกษา และได้เอกสารที่เป็นหลักสูตรกลับมา แต่ยังไม่ได้ใช้ไม่ได้เพราะพึ่งจะได้มา เมื่อเปิดดูแล้วก็จะมีหลักสูตรสำหรับช่วงชั้นที่ 2 อยู่ สามารถนำไปปรับใช้ได้ดี การสอนเรื่องเพศเป็นสิ่งที่ยากในการสอนนักเรียน ตั้งแต่การใช้คำพูด การใช้สื่อต่างๆ พอรู้ว่าเป็นเรื่องเพศครูบางส่วนก็ปฏิเสธเพราะมองเป็นเรื่องยาก แต่ความเข้าใจในการสอนเรื่องเพศไม่ใช่เป็นการสอนเรื่องเพศสัมพันธ์ แต่เป็นการศึกษาเรื่องสรีระ ความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เด็กอนุบาลก็เรียนเรื่องเพศศึกษาได้ รู้จักแยกเพศหญิงชาย คิดว่าเราควรปรับเปลี่ยนทัศนคติการสอนเรื่องเพศศึกษาใหม่ ส่วนในระดับชั้นไหนสอนแค่ไหนอย่างไร ก็มีในหลักสูตรที่เหตุแจกให้ • การนำผลการสัมมนาครั้งก่อนไปใช้ในการสอนทำไม่ค่อยได้ เพราะพฤติกรรมของนักเรียนไม่เกิดขึ้นระดับประถม น่าจะเกิดขึ้นในระดับมัธยมมากกว่า  หากเกิดขึ้นมีก็คงเกิดกับโรงเรียนที่อยู่ในเมือง แต่กับโรงเรียนนอกๆคงไม่มี เพศศึกษาที่จะสอนน่าจะสอนระดับมัธยมมากกว่า เพราะระดับประถมยังไม่เกิดปัญหา • พฤติกรรมที่เกิดขึ้นในวัยประถมมีเกิดขึ้นในบางประเด็นที่เวทีสัมมนาครั้งที่แล้วระดมเสนอกันมา  กรณีหนึ่งที่พบคือ ตอนเข้าค่ายในช่วงปิดเทอมเด็กใสเสื้อสายเดี่ยว ที่โรงเรียนจะมีกรณีอย่างนี้เนื่องจากโรงเรียนตั้งอยู่ในชุมชนและเด็กก็อยู่ในชุมชน เป็นชุมชนที่ยังไม่เจริญ มีหลายอาชีพมี เด็กส่วนใหญ่จะเลียนแบบผู้ปกครอง มีทั้งอาชีพหมอนวด ทั้งนักร้อง ทั้งเด็กเสริฟ เด็กเลยมักจะได้รับได้เห็นได้เรียนรู้อะไรที่ผิดๆ ทางครูและโรงเรียนก็พยายามเน้นเรื่องนี้มาก อีกกรณีหนึ่ง เด็กเป็นแฟนกับคนขายน้ำแข็ง พอถามเด็กๆก็ปฏิเสธแล้วบอกว่า เปลี่ยนคนใหม่แล้ว เพียงอาทิตย์เดียวเด็กเปลี่ยนแฟนแล้ว  สิ่งที่เกิดขึ้นถามว่าเด็กรู้เรื่องเพศหรือไม่ คิดว่าไม่ แม้แต่สิ่งที่เขาได้ประสบพบเห็นเรียนรู้จากทางบ้าน ชุมชนคนรอบข้าง ทำให้เขากลายเป็นที่แก่เกินตัว แต่เขาไม่รู้ตัว เด็ก 11-12 ปีคิดว่าเขายังไม่รู้เรื่องเพศ เพียงเขาเห็นสิ่งที่อยู่ในชุมชนเขา เขาสัมผัสเห็นการแสดงออกในพฤติกรรมเกี่ยวกับผู้ชายและการแต่งตัว โรงเรียนอื่นอาจไม่เจอปัญหานี้ แต่ที่โรงเรียนมีนักเรียนเสี่ยงต่อเรื่องเพศมาก • มองให้รอบด้าน เจอเด็ก 2 แบบ คือเด็กที่เล่นกันปกติตามวัยทั่วไปไม่ได้คิดอะไร และเด็กที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ล่อแหลม บางพื้นที่มีสื่อลามกเข้าไปถึง อยู่ตามร้านกาแฟกลางคืน เด็กก็อาจจะมีพฤติกรรมทางเพศเกิดขึ้น ที่โรงเรียนเคยพบเด็ก ป.6 ร้องเพลงกลางคืน ลักษณะการแต่งตัวเป็นแบบสาววัยรุ่น บางครั้งเราว่าไม่ได้สาเหตุเป็นเรื่องปากท้องเศรษฐกิจส่วนหนึ่ง เรื่องสังคมส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ชีวิตเขาต้องทำอย่างนี้ถึงจะอยู่รอด มองเป็น 2 แบบ สภาพแวดล้อมที่มันมีเรื่องเพศและไม่มีเรื่องเพศ • การดำเนินงานกับโรงเรียนมัธยมเป็นการดำเนินงานที่ปลายเหตุ วัยประถมเป็นต้นเหตุของพฤติกรรม ประถมปลายเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นจะมีพฤติกรรมที่สื่อให้เห็นว่าเป็นหนุ่มเป็นสาว จะแสดงพฤติกรรมทางเพศของตนออกมาให้เห็นบ่อยๆ เพียงแต่ว่าเรามีโอกาสได้เข้าไกลชิดกับเด็กมากน้อยขนาดไหน เช่นเราเห็นว่าเด็กคู่นี้มีจิตใจเอนเอียงเข้าหากัน เราก็ต้องสอนให้รู้ว่าเราต้องรักษาตัวสงวนตัวยังไง ป้องกันตัวอย่างไร ในระดับประถมต้องให้ความรู้ป้องกันตัวก่อนเข้าสู่มัธยม ปัจจุบันมีสื่อเยอะมากที่มีโอกาสทำให้เด็กเสียได้ง่าย ไม่เชื่อว่าเด็กประถมจะไม่มีพฤติกรรมทางเพศ มีแน่นอน เช่น ขึ้นไปนอนทับบนท้องเพื่อนเลียนแบบพฤติกรรมที่เห็นที่บ้าน บ้านของเด็กไม่มีผนังกันเป็นห้อง เด็กเห็นจากครอบครัว พอเด็กเข้าสู่โรงเรียนก็ต้องคอยดูแลและปรับพฤติกรรมเด็ก ให้ความรู้ที่ถูกต้องถึงพฤติกรรมกับเพศตรงข้าม ขอบเขตขนาดไหน เด็กปัจจุบันนี้จับมือถือแขนถึงเนื้อถึงตัว ฉะนั้นวัยระดับประถมควรอย่างยิ่งที่จะต้องดูและปลูกฝัง

เมื่อผู้ใหญ่หันหลังให้กับการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาของเด็กเยาวชน แล้วเกิดอะไรขึ้น เข้าสู่ของบรรยากาศการแลกเปลี่ยนมากขึ้น บางคนสอนได้บ้างไม่ได้บ้าง บางคนบอกว่าสอนเรื่องเพศกับเด็กประถมเหมาะสมบ้างไม่เหมาะสมบ้าง ความเป็นจริงไม่มีอะไรผิดอะไรถูก แต่ละคนมีโลกทัศน์ต่างกัน บางคนบอกว่าเด็กที่เราสอนอยู่ไม่มีปัญหาทาเพศ จึงยังไม่ถึงเวลาสอน บางคนเห็นปัญหามากกว่าจึงคิดว่าถึงเวลาสอนแล้ว สิ่งสำคัญคือ เราทุกคนจะแลกเปลี่ยนกันและแบ่งปันประสบการณ์กันได้อย่างไร ก่อนที่จะคุยกันรู้เรื่อง เราจะต้องยืนในจุดเดียวกันก่อน บางที่เราพูดเรื่องเดียวกันแต่พูดกันคนละความหมาย ตีความกันคนละอย่าง ฉะนั้นขอเริ่มที่คำว่า "ปัญหาเพศ" ก่อน คิดว่าอะไรที่เป็นปัญหาเพศ ช่วยกันระดมโดยมีขอบเขตว่า "เด็กที่เรากำลังพูดถึงนี้ อยู่ในระดับชั้น ป.6 ลงมา ในช่วงชั้นที่ 2 ครูรับผิดชอบกันอยู่ • มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร • พฤติกรรมการเบี่ยงเบนทางเพศ สับสนทางเพศ ไม่รู้ว่าตนเป็นอะไร • เห็นแบบอย่างไม่ดี เอามาเลียนแบบ • เด็กหญิงเรียนดี ไปชอบนักกีฬาชายที่มักอายุเยอะกว่า ประสบการณ์มากกว่า • เด็กหญิงอยากเป็นชาย ทำตัวเป็นชาย • พ่อแม่มีลูกเร็วอายุน้อย ยังเป็นพ่อแม่ที่ไม่สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีได้ ส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็ก เด็กเกิดการเลียนแบบในการแสดงออกทางเพศต่างๆ • สิ่งแวดล้อมไม่ดี เลียนแบบจากสื่อผู้ปกครอง มีความเชื่อต่อการสอนเพศศึกษาอยู่หลายหลายแบบ บางความเชื่อรู้สึกว่าเป็นการชี้โพรงให้กระรอก ไม่ควรสอนพอเด็กโตขึ้นสามารถเรียนรู้ได้เอง บางความเชื่อว่าสอนเรื่องเพศศึกษาได้ แต่ต้องสอนให้เด็กรักษาพรหมจรรย์จนกว่าจะแต่งงาน หรือบางความเชื่อเห็นว่าถ้าเด็กจะมีเพศสัมพันธ์กัน ก็ห้ามไม่ได้หรอกแต่ต้องสอนให้เด็กรู้จักป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดปัญหาทางเพศ อยากให้ครูช่วยกันสะท้อนให้เห็นว่า คิดอย่างไรกับการสอนเพศศึกษา • การสอนเพศศึกษา ควรสอนตั้งแต่เล็กๆ สอนทีละนิดทีละน้อยตามวัย สอนได้ในวิชาวิทยาศาสตร์ เช่นสอนเทียบเคียงกับพืช กับสัตว์ ปลูกฝังตั้งแต่ละเล็กค่อยๆเพิ่มขึ้นตามชั้นตามวัย เพื่อจะได้ซึมซับและมีความเข้าใจเรื่องเพศศึกษาว่าที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ที่ผิดเป็นอย่างไร ปูพื้นฐานตั้งแต่เล็กๆ ระดับความลึกซึ้งเหมาะสมกับแต่ละชั้น สอนสอดแทรกตลอดกับวิชาที่สอน • ตัวครูกันเองมองการสอนเรื่องเพศหรือมีทัศนคติต่อการสอนเรื่องเพศผิดๆอยู่ บางคนปฏิเสธเลยเมื่อบอกว่าไปอบรมเรื่องเพศศึกษา เป็นปัญหามาก ซึ่งจริงๆเรื่องเพศศึกษาเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตั้งแต่พ่อแม่แต่งงานกัน ปฏิสนธิ เกิดมาจนมีชีวิตเป็นครูอยู่ทุกวันนี้ สำหรับครูบางคนไม่เข้าใจ กระทรวงศึกษาธิการควรจัดการศึกษาเรื่องเพศศึกษาเข้าสู่หลักสูตรตั้งแต่เล็กๆ ได้เรียนตลอดทุกชั้น เด็กจะได้เข้าใจ และจะได้ไม่ต้องไปแก้ปัญหากันที่ปลายเหตุ ติดเอดส์ ท้องไม่มีพ่อ ซึ่งเป็นปัญหาระยะยาว อาจเป็นความยากลำบากในการสื่อสารการพูดคุยเรื่องนี้ การตะขิดตะขวงใจที่จะสอนเพศศึกษา เกิดภาวะอะไรตามมาบ้างกับเด็กบ้านในช่วงระดับมัธยมหรือระดับมหาวิทยาลัย
"เกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้ใหญ่หันหลังหันหลังให้กับปัญหา" มีเยาวชนมาเล่าให้เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในวัยของเขา • เด็กมัธยมต้น/ปลาย ทำหนังโป๊กัน ถ่ายกันเอง ขายกันเอง • เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับกระเทย มีกระเทยตีสนิทกับเพื่อนผู้หญิงเพื่อหลอกไปนอนกับเพื่อนผู้ชายต่างโรงเรียน หรือเป็นเหตุการณ์ที่ผู้หญิงคิดว่าเพื่อนคนนี้เป็นกระเทยก็ไม่เป็นไร เลยอยู่ห้องพักเดียวกัน วันดีคืนดี ก็ชวนกันกินเหล้ากัน แล้วกระเทยก็ทำผู้หญิงท้อง ผู้หญิงก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหายังไง • มีเรื่อง CD โป๊ เพื่อนผู้หญิงอยากดูจึงขอเพื่อนผู้ชายเอามาให้ดูหน่อย หรือบางทีผู้หญิงก็ไปจับกลุ่มดูกันเอง บางทีไม่พอก็ไปดูกับเพื่อนชายด้วย ก็มีเยอะ • เหตุการณ์ที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์แล้วเลิกกัน ก็กรีดเอาเลือดตัวเองมาเขียนจดหมาย แล้วเอาจดหมายไปประจานอีกต่อหนึ่งว่า "ฉันให้เธอขนาดนี้แล้ว เธอยังทำกับฉันอย่างนี้อีกเหรอ" อีกกรณีหนึ่งทะเลาะกันแล้วทิ้งมอเตอร์ไซด์กลางถนน เผาหนังสือ ดูแล้วน่ากลัวใช้ความรุนแรงทั้งนั้น • หลายๆคู่พอมีเพศสัมพันธ์แล้วท้อง ครูจะไม่ค่อยรู้ เด็กจะรู้กันเองมากกว่า • เด็กเกิดภาวะอารมณ์ควบคุมตัวเองไม่ได้ พอเกิดปัญหาก็แก้ไม่ได้ ถึงแม้ว่าบางคนจะควบคุมตัวเองได้ แต่ก็ไม่สามารถควบคุมเพื่อนได้ ควบคุมอีกฝ่ายไม่ได้ • ถ้าครูให้เด็กตอบคำถามในห้องเรียน ครูมักจะไม่ได้คำตอบที่แท้จริงจากเด็ก แต่จะได้คำตอบที่สวยงาม ได้คำตอบที่ครูอยากได้ยินอยากให้ตอบ มีเป็นกลุ่มเด็กที่เราเห็นว่าตั้งใจเรียนแต่เบื้องหลังมีปัญหาทางเพศเยอะมาก ถาม ถ้าเด็กวัยรุ่นมีปัญหาเพศหรือท้องเกิดขึ้น คนแรกที่ปรึกษาคือใคร ครู เพื่อน พ่อแม่ ตอบ วัยรุ่นจะตอบว่าเพื่อนแน่นอน ถ้าเกิดปัญหาท้อง เพื่อนก็จะบอกกันเองว่าแก้ปัญหายังไง ไปทำแท้งที่ไหน ใครรู้เรื่องนี้ช่วยเรื่องนี้ได้ จัดการได้เรียบร้อย ถาม แล้วทำไปไม่บอกพ่อแม่ หรือครู ตอบ พอบอกผู้ใหญ่ปุ๊บ คำแรกที่พูดคือ ไปทำอย่างนี้มาได้ยังไง เด็กก็รู้อยู่ว่าถ้าบอกก็ต้องเจออย่างนี้แน่ โดนด่าแน่ บอกเพื่อนดีกว่า เพื่อนก็มีหลายประเภท เพื่อนบางคนก็ไปบอกพ่อแม่ให้ช่วยแก้ปัญหา บางคนก็บอกให้ทำแท้งเลยก็มี • เคยอ่านพบว่า เมื่อเด็กมีปัญหาจะบอกเพื่อนเป็นอันดับแรก 70% บอกพ่อแม่เป็นอันดับแรก 40% บอกครูเป็นอันดับแรก 1% ฉะนั้นเราที่เป็นครูควรตระหนักแล้วว่า เราเข้าใจเด็กแค่ไหน เรารึเปล่าที่เป็นตัวผลักดันให้เด็กออกไปจากเราเอง ไปทำสิ่งที่ผิดยิ่งขึ้น ผิดซ้ำผิดซ้อน แก้ไขอะไรไม่ได้ • ถ้าไปบอกครู ครูก็จะบอกต่อผู้ปกครอง แล้วพ่อแม่ก็จะรู้ เด็กบางคนจึงอยากปกปิดไม่อยากให้ครูรู้ ไม่อยากให้ผู้ปกครองรู้ • สังคมครูในโรงเรียนน่ากลัวมาก เพื่อนบางคนเจอปัญหาแล้วบอกครูคนนี้  2 วันครูก็รู้กันทั้งโรงเรียน เด็กมันก็อาย สุดท้ายทำแท้งแล้วออกจากโรงเรียนไป แทนทีจะเป็นการค่อยๆประคับประคองแก้ปัญหาเงียบๆ พอเจออย่างนี้เด็กก็รับไม่ได้ หรือเรื่องที่ว่าเด็กเป็นกิ๊กกัน แค่เด็กรู้กันเองไม่เป็นปัญหาอะไร แต่พอครูคนหนึ่งรู้ก็จะรู้กันทั้งโรงเรียน ครูทุกคนก็จะจับตามองคู่นี้ เพ่งเล็งคู่นี้ โดนกดดัน พอยิ่งถูกกดดันก็ยิ่งจะอยากทำอะไรกันมากขึ้นกว่าการโอบกอด • กรณีหนึ่ง พ่อดุมากๆ พอเขามีแฟน พ่อก็เพ่งเล็งแฟนเขา ญาติพี่น้องก็ช่วยกันเพ่งเล็ง โดนกดดันมาก สุดท้ายก็ไปจบกันที่โรงแรม เพราะพ่อแม่ไม่เคยยอมให้ไปเที่ยวไหนกันเลย ไม่ยอมให้ลูกไปเที่ยวไหนกับแฟน เขาถูกกดดันไม่รู้จะหาวิธีระบายทางไหน สุดท้ายก็จบกันที่โรงแรมอย่างนี้ ไม่มีโอกาสที่จะอยู่ด้วยกัน วิธีการที่จะอยู่ด้วยกันคือไปโรงแรมเป็นวิธีการเดียว ก็เป็นปัญหาที่เจอ ถาม วัยรุ่นต้องการให้พ่อแม่ยอมรับ คบหากันอยู่ในสายตาหรือเปล่า ตอบ เป็นวิธีที่แก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้ว ให้เขาคบหากันในสายตาพ่อแม่ ไปไหนทำอะไร ถ้าปล่อยให้เขาไปกันเองก็แย่กว่านี้ มีปัญหาอะไรขึ้นมาก็คุยได้ทันสถานการณ์ของลูก พ่อแม่หลายคนไม่ทัน รู้ว่าลูกมีแฟน แต่ไม่รู้ว่าทำอะไรบ้าง บางคน อาศัยช่วงเวลาพ่อแม่ไม่อยู่บ้าน บางที่ผู้ชายไปบ้านผู้หญิง บางที่ผู้หญิงไปบ้านผู้ชาย สลับกันตามจังหวะปลอดผู้ใหญ่ ถ้าเพื่อนเห็นเพื่อนก็จะสงสัย แต่จะไม่อยากไปถาม กลัวจะเจอคำตอบ บางคนไม่ได้คบคนเดียว คบทีละ 5 คน ถาม ในรุ่นเดียวกันมีแฟนกี่เปอร์เซ็นต์ ตอบ ซัก 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ หนึ่งห้อง 50 คน มีแฟนแล้ว 30 คน ที่น่าสนใจคือ บางช่วงมีแฟนเป็นผู้หญิงบางช่วงมีแฟนเป็นผู้ชาย คนที่มีแฟนเป็นผู้หญิงเขาคิดกันว่า ผู้หญิงมีอะไรกันกับผู้หญิงไม่ถือว่าเสียตัว ถ้าเสียตัวคือต้องเสียให้เพศตรงข้าม เด็กที่มีแฟนและมักจะมีปัญหาคือ เด็กที่อยู่หอ เด็กต่างจังหวัดเข้ามาอยู่หอไม่ค่อยจะมีปัญหาอะไร แต่เด็กที่บ้านอยู่ใกล้หาดใหญ่แล้วอยู่หอมักจะมีปัญหาเยอะ ทำแท้งเยอะ ถาม เอาเงินทำแท้งมาจากไหน ค่าใช้จ่ายมันสูง ตอบ คนที่มีปัญหาแล้วทำแท้งนั้นส่วนมากจะเป็นคนที่บ้านรวย พ่อแม่ทำงานแล้วไม่ค่อยสนใจ เอาเงินให้ลูก • เสริมเรื่องการทำแท้ง มันไม่แพงอย่างที่คิด จริงๆแล้วอยู่อายุครรภ์ ถ้ารู้เร็วอายุครรภ์ก็น้อย 2,000-3,000 บาท อยู่ที่ว่าเถื่อนหรือเปล่า ถ้าเถื่อนก็ 1,500 หรือต่ำกว่า ถาม กรณีทำแท้งเถื่อนแล้วติดเชื้อ ส่งโรงพยาบาลมีบ้างไหม ตอบ ยังไม่เคยเจอ ไม่เคยได้ยิน • คนที่พาเด็กไปส่งโรงพยาบาลหลังติดเชื้อจากการทำแท้งเถื่อน คือ พ่อแม่ หรือ ครู เป็นคนที่มารู้ภายหลังว่าเด็กไปทำแท้งมา ถาม โรงเรียนปิดข่าวไหม • มีทั้งปิดและไม่ปิด มีทั้งดำเนินการให้เด็กจัดการปัญหาและให้เรียนต่อ และทั้งให้เด็กออกไปเลย โรงเรียนที่มีชื่อเสียงมักจะให้เด็กออกไปเลย ไม่ให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น โรงเรียนที่มีชื่อเสียง จะปฏิเสธหลักสูตรเพศศึกษา มักจะเป็นเช่นนั้น 90% เพราะเขาไม่ต้องการให้ภาพลักษณ์โรงเรียนเสีย
• กรณีพฤติกรรมทางเพศที่เป็นกระแสเกิดขึ้น มีนักเรียน ม.2 ของโรงเรียนในกทม.แห่งหนึ่ง ทุกคนเคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว ยกเว้นเด็กคนนี้คนเดียวที่เป็นแกะดำ เลยถูกกดดันจากสังคมเพื่อนว่า เธอแย่ ไม่มีความสามารถ ผิดปกติ ไม่อินเทรนด์ ไม่เข้าพวก แล้วมีเพื่อนที่ใจดีก็บอกว่า ไปให้บอย ม.4 ช่วยซิ บอยเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเก่งเรื่องนี้มาก ใครอยากมีประสบการณ์ก็ให้บอยช่วยทั้งสิ้น เด็กคนนี้คิดอยู่พักหนึ่งเพราะถูกปลูกฝังจากที่บ้านอีกแบบ แต่สุดท้ายก็แพ้กระแสก็เลยไปให้บอยช่วย เลยสบายใจกลับมา เรียบร้อยแล้ว ฉันมีประสบการณ์เหมือนพวกเธอแล้ว ฟังแล้วเหมือนมันไม่ใช่เรื่องเพศ แต่เป็นเรื่องความต้องการที่จะเข้ากลุ่ม แต่พอดีเด็กดึงเรื่องเพศขึ้นมา เด็กอาจไม่มีความต้องการทางเพศ แต่เรื่องเพศมันเปลี่ยนจากเรื่องความต้องการไปเป็นเงื่อนทางสังคม เปลี่ยนไปเป็นสินค้า เปลี่ยนไปเป็นภาพลักษณ์ความทันสมัยของวัยรุ่น นอกจากสื่อประสบการณ์และสภาพความเป็นจริงที่เยาวชนได้เล่าให้ฟังแล้ว ยังมีผลที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาภาพรวมทางสังคมของไทย คือปัญหาเรื่องโรคเอดส์ ซึ่งสถานการณ์เอดส์เกิดขึ้นปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนจากไปจากอดีต เมื่อก่อนเราเคยรับรู้ว่าเอดส์จะระบาดในกลุ่มรักร่วมเพศ  พ่อบ้านแม่บ้าน ชาวประมง ปัจจุบันกลุ่มที่เอดส์ระบาดและมีความเสี่ยงมากคือ กลุ่มนักเรียนนักศึกษา เด็กวัยรุ่น นำเสนอสถานการณ์เอดส์ตามเอกสารประกอบการสัมมนาครั้งนี้

เรื่องเพศที่ไม่ใช่เรื่องเพศ เด็กวัยรุ่นจะเป็นวัยที่สนใจเรื่องเพศ ก็จะใช้เรื่องเพศเป็นสิ่งที่แสดงตัวตน อัตลักษณ์ โดยเฉพาะช่วงหลังปริมาณเด็กผู้หญิงมากขึ้น อัตราส่วนของเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายต่างกันมาก  ผู้ชายมีทางเลือกค่อนข้างสูงในทุกวันนี้ สิ่งที่เราคุยกันมากในสังคมทุกวันนี้คือ เรามุ่งสอนแต่ผู้หญิง มุ่งควบคุมผู้หญิง แต่ไม่ได้สอนผู้ชาย เราสอนแม่แต่ไม่เคยสอนพ่อ นี่คือปัญหาหลักของทุกวันนี้ แล้วจะมีปัญหาต่อไปอีก ช่องว่างระหว่างเพศ ปัญหาระหว่างเพศก็จะเกิดขึ้นต่อๆไปอีก สิ่งที่อยากจะสื่อสารให้เข้าใจ คือ เรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมดา ปัญหาที่เกิดขึ้นมันก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วเป็นพันปี แต่เวลาเปลี่ยนไปมีกรอบทางสังคมหรือว่าวัฒนธรรมทางสังคมที่ทำให้เรื่องเพศกลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดา ในยุคหนึ่งก่อนที่อังกฤษจะครอบครองประเทศต่างๆ หมู่เกาะในแปซิฟิคหลายหมู่เกาะมีวัฒนธรรมทางเพศเป็นแบบท้องถิ่น วัยรุ่นสามารถมีเพศสัมพันธ์กันได้อย่างเสรี แต่เมื่อใดก็ตามที่ผู้หญิงท้อง ผู้ชายคนล่าสุดต้องรับเลี้ยงเป็นลูก แต่งงานกัน สิ่งที่แปลกคือว่า ที่เกาะนี้เด็กจะเรียกทุกคนว่าพ่อแม่ เพราะเขาไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแม่จริงๆ นี่คือวัฒนธรรมของชาวเกาะนี้ ที่เกาะนี้อยู่มาเป็นร้อยๆปีไม่มีปัญหาทางเพศอะไร ไม่มีการข่มขืน ไม่มีกามโรค อยู่กันอย่างเป็นครอบครัวใหญ่ หลังจากที่มิชชั่นนารีชาวอังกฤษเข้าไป แล้วเข้าไปสอนเพราะเขาคิดว่าสิ่งที่ชาวเกาะนี้เป็นอยู่มันไร้อารยธรรม หลังจากที่หมอสอนศาสนาเข้าไปสอน 20 ปี สังคมของชาวเกาะนั้นก็เปลี่ยน เกิดคดีขึ้น มีการข่มขืน อาญากรรมทางเพศ ประทุษร้ายทางเพศเกิดขึ้น แล้วเปลี่ยนวิถีชาวเกาะไปจากที่เคยเป็น กำลังจะนำเสนอว่าแต่ละสังคมมันมีวัฒนธรรมและเงื่อนไขเรื่องเพศแตกต่างกัน อดีตของเราเองไม่ได้เป็นแบบนี้ จะมีเอกสารประกอบสัมมนาครั้งนี้แจกให้ คนไทยมองเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมดา มันแทรกอยู่ในชีวิต เพลงพื้นบ้าน เพลงคำผวน เพลงแห่นางแมว เด็กเยาวชนสามารถเรียนรู้ได้จากสิ่งรอบตัวเขา ทั้งในสังคมเกษตรกรรม หรือเรื่องที่พ่อแม่ไม่เคร่งครัดในเรื่องการแต่งตัวหรือการอยู่ร่วมกัน สังคมไทยในอดีตก็ไม่ได้มีปัญหาทางเพศอะไร ถ้าเราดูจากวรรณกรรมพื้นบ้าน ลิลิตพระลอ ขุนช้างขุนแผน ในลิลิตพระลอโป๊มากแต่โป๊อย่างสวยงาม ในขุนช้างขุนแผน เณรแก้วกับนางพิมเพียงแค่เห็นกันครั้งเดียวก็ตั้งมั่นแล้วว่าจะเข้าหาเธอให้ได้ แล้วสุดท้ายก็ได้จริงๆ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งปกติธรรมดา มันมาเปลี่ยนแปลงในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่เรารับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามา แล้วเรารับวัฒนธรรมทางเพศในสมัยนั้นเข้ามาด้วย ก็คือวัฒนธรรมที่เรียกว่า วิคตอเรียน  วัฒนธรรมวิคตอเรียนจะมองว่า ร่างกายของมนุษย์เป็นสิ่งหยาบช้า ความโป๊เป็นบาป เป็นความเชื่อทางศาสนาของเขา วัฒนธรรมนี้เข้ามาโดยมิชชั่นนารี แล้วมาส่งต่อในกลุ่มกุลสตรีชั้นสูง ที่กษัตริย์จะให้กุลสตรีชั้นสูงหรือลูกไปเรียนภาษากับมิชชั่นนารี ก็จะได้รับการถ่ายทอดวัฒนธรรมนี้มาเรื่อยๆ แล้วกระจายไปอยู่ในกลุ่มขุนนาง จากนั้นมีระบบการศึกษาเกิดขึ้น เปลี่ยนไพร่เป็นประชาชน วัฒนธรรมนี้ก็เข้าไปอยู่ในระบบการศึกษา ก็กลายเป็นวัฒนธรรมที่ครอบคลุมสังคมไย ฉะนั้นวัฒนธรรมที่รังเกียจเรื่องเพศ ไม่พูดเรื่องเพศ ไม่ใช่วัฒนธรรมแต่เดิม ศึกษาเพิ่มเติมได้จากเอกสารประกอบสัมมนาครั้งนี้ที่แจกให้  จริงๆแล้วไทยเราไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องเพศขนาดนั้น มันไม่ใช่ปัญหาขนาดที่วัฒนธรรมวิคตอเรียนรู้สึก อย่างที่บอกว่า วันที่เราฟังเด็กเล่า เรารู้สึกว่าปัญหามันรุนแรง แต่วันที่เจอปัญหาอยู่ตรงหน้า เจอเด็กมหาวิทยาลัยปี 3 ปี 4 เรารู้สึกว่ามันจะเป็นจะตาย ใจแตกแหลกเหลวขนาดนี้พ่อแม่จะว่ายังไง พอไม่กี่ปีก็จบรับปริญญา ทำงาน ไปเรียนรู้ชีวิตโลกกว้าง แต่งงานมีครอบครัว แล้วพาลูกมาให้เราเห็น มันไม่ได้หยุดแค่ปัญหา เพราะฉะนั้นบางทีมันอาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิด และมันก็อาจมีช่องว่างที่จะแก้ไขได้ เพียงแต่เรามองว่ามันเป็นเรื่องเลวร้ายหรือเปล่า เรามองว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องหยาบ น่าขยะแขยงหรือเปล่า ถ้าเรามองว่าเป็นเรื่องธรรมดา มันก็จะเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ ปัจจุบันสิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่เป็นเรื่องเพศหรือเด็กมีเพศสัมพันธ์ ที่น่ากลัวคือคำว่า "ธรรมดา" เด็กที่มากับสื่อพวกนี้เขาจะมองเรื่องเพศว่ายังไง พอได้คุยกับเด็กๆก็จะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในความรู้สึกของผู้ใหญ่เรามันไม่ธรรมดา มีตัวอย่างนิตยสารที่ขายอยู่ทั่วไปในตลาด เป็นนิตยสารบันเทิงเสียส่วนใหญ่ เนื้อหาที่ปรากฏในนิตยสารเหล่านี้มีเรื่องที่เกี่ยวกับเพศอยู่ไม่น้อย แต่ละเล่มมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไป
• นิตยสาร Candy กลุ่มเป้าหมายของนิตยสารอยู่ช่วงอายุ ป.4 - ม.3 • นิตยสาร Spicy กลุ่มเป้าหมายของนิตยสารอยู่ช่วงวัยมัธยมปลาย • นิตยสาร Mars กลุ่มเป้าหมายของนิตยสารอยู่ช่วงวัยมหาวิทยาลัย - วัยทำงาน • นิตยสาร Star กลุ่มเป้าหมายของนิตยสารเป็นกลุ่มแม่บ้าน • นิตยสาร Maxim กลุ่มเป้าหมายของนิตยสารเป็นนักศึกษาชาย คนทำงาน จะเห็นว่าสื่อที่มีอยู่ในท้องตลาดจะทำมาขายกลุ่มเป้าหมายครบทุกช่วงวัย นิตยสารเหล่านี้นำเสนอเรื่องที่เกี่ยวกับเพศเยอะมาก สิ่งที่ปรากฏเหล่านี้ทำให้เด็กรู้สึกว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมดา ในความคิดของเราผู้ใหญ่อาจจะเกิดความรู้สึกว่าลักษณะการนำเรื่องเพศมันไม่ธรรมดา มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งโฆษณา สกู๊ป บทความให้ความรู้ ภาพถ่ายแฟชั่นน้อยชิ้น บทสัมภาษณ์  มีหลากรูปแบบต่างๆนานา
ต่อไปนี้อยากชวนครูร่วมกันพิจารณาสื่อเหล่านี้ที่เด็กอ่านกันและวิเคราะห์กันว่ามีเรื่องเพศปรากฏอยู่ในปริมาณเท่าไร กี่หน้า เรื่องเพศที่ปรากฏอยู่ระดับใด ให้วิเคราะห์ตามใบงาน ตารางวิเคราะห์สื่อ "เส้นแบ่งของสื่อทางเพศ"

กิจกรรมชี้ให้เห็นว่า สื่อที่เข้าถึงเด็กมีเรื่องเพศที่สอดแทรกอยู่ในปริมาณไม่น้อย ปรากฏในรู้แบบต่างๆและ มีหลายrate ที่แตกต่างกัน สื่อเหล่านี้มีการผลิตครบทุกระดับวัยของเด็กเยาวชน ที่สำคัญเด็กเยาวชนเสพสื่อเล่าหนี้เป็นประจำ ข้อสังเกตคือ สื่อเหล่านี้ที่ผลิตมาไม่ได้พูดถึงความดีความงามที่ควรปลูกฝังให้กับเด็กเยาวชนในแต่ละอายุ ทั้งยังเป็นแรงต้านของครูในการสอนปลูกฝังเรื่องความดีความงาม

ทางออกเรื่องเพศของเยาวชนในบทบาทของครู เมื่อเรามองปัญหาทางเพศที่เกิดขึ้นกับเยาวชน พบว่ามีความซับซ้อนที่เกี่ยวพันกันอยู่หลายมิติ ครอบครัว สังคม สถาบันการศึกษา สื่อ ชุมชน สิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็ก คราวนี้อยากจะให้ครูทุกท่านได้ลองพิจารณาถึงปัญหาทางเพศที่เกิดขึ้นกับเด็กว่า มันมีสาเหตุผลกระทบเชื่อมโยงกันอย่างไร  เราจะค่อยๆสืบเสาะแต่สาเหตุแต่ละปัจจัย และผลกระทบต่อเนื่องที่จะเกิดขึ้นกับชีวิ

Relate topics

ขออภัย ขณะนี้เว็บไซท์ของดการสร้างหัวข้อใหม่และการแสดงความคิดเห็นไว้ชั่วคราว