รายงานฉบับสมบูรณ์ บทที่ 3
บทที่ ๓ ผลการดำเนินการ ก้าวย่างการบูรณาการเพื่อการเรียนรู้:สู่สานสายใยเพื่อสุขภาพ
โรงเรียนพะตงประธานคีรีวัฒน์เป็นโรงเรียนประจำตำบลขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชนตำบล พะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีนักเรียนจำนวน ๑,๖๐๐ คน ครูและบุคลากร จำนวน ๑๐๑ คน แบ่งการสอนเป็น ๒ ช่วงชั้น คือช่วงชั้นที่ ๓ (ม.๑-ม.๓)จำนวน ๓๐ ห้องเรียน ช่วงชั้นที่ ๔(ม.๔-ม.๖)จำนวน ๑๘ ห้องเรียน โดยเปิดทำการเรียนการสอนมาเป็นระยะเวลา ๒๓ ปี เป็นนักเรียนจากในพื้นที่เป็นจำนวน ร้อยละ ๗๐<br />
แหล่งเรียนรู้ที่พบในพื้นที่เป็นชุมชนที่มีโรงงานอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก ตั้งอยู่ริมแหล่งน้ำสาธารณะ ได้แก่ คลองอู่ตะเภา และขณะเดียวกันก็เป็นชุมชนเกษตรกรรม อาทิ สวนยางพารา สวนผลไม้ และผักสวนครัว เป็นต้น ทำให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจของครูหลายกลุ่มสาระการเรียนรู้ สามารถนำมาจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับนักเรียนทั้งสองช่วงชั้นได้ เพื่อสร้างความตระหนักในการดูแลสิ่งแวดล้อมรอบตัวและส่งผลดีต่อสุขภาพของทุกคนในชุมชน
ตามแนว พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ๒๕๔๒ -๒๕๔๔ โรงเรียนมุ่งเน้นการทำงานตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ เพราะเป็นกฎหมายที่กระตุ้นให้ครูตื่นตัวหันกลับมามองแผนการจัดการเรียนรู้ให้เป็นสภาพจริงของคำว่า "นักเรียนเป็นสำคัญ"ให้มากที่สุด ซึ่งเป็นช่วงจังหวะการเริ่มต้นก้าวไปสู่การเรียนรู้เพื่อบูรณาการการเรียนรู้ที่น่าสนใจยิ่ง
ปัจจัยเอื้อ
๑. แหล่งเรียนรู้ "คลองอู่ตะเภา" ใกล้โรงเรียน
๒. เป็นนโยบายของโรงเรียนและกระทรวงศึกษาธิการ
๓. ครูผู้จัดกระบวนการเรียนรู้มีความพร้อม
๔. ชุมชนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
๕. หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานท้องถิ่นสนับสนุนกิจกรรม และสนับสนุนงบประมาณ
๖. ผู้บริหารให้การเสริมแรงอย่างต่อเนื่อง
๗. มีนักวิจัยหลักสูตรสิ่งแวดล้อมศึกษาเข้าร่วมศึกษาวิจัยกระบวนการเรียนรู้
กับครู-นักเรียน-ชุมชนในเรื่องคลองอู่ตะเภาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๔๕ เป็นต้นมา
กระบวนการจัดกิจกรรมบูรณาการ ปีการศึกษา ๒๕๔๑ - ๒๕๔๘
๑. ปีการศึกษา ๒๕๔๑-๒๕๔๓ กิจกรรมบูรณาการที่เป็นรูปธรรม เริ่มจากตัวครูผู้สอนในรายวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม จัดบูรณาการแบบสอดแทรกในรายวิชาตนเอง
๑.๑ ศึกษาแนวคิดทางการศึกษาทุกรูปแบบ ทั้งของนักการศึกษาและปราชญ์ชาวบ้าน
๑.๒ เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเวทีชุมชน ตลอดจนองค์กรต่างๆ ทั้งในระบบและ
นอกระบบ
๑.๓ นำประสบการณ์และกิจกรรมที่ได้มาจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับนักเรียน
ผลที่ได้
นักเรียนได้รับประสบการณ์เพื่อสร้างความตระหนักในการดูแลสิ่งแวดล้อมชุมชนรอบตัวจากกิจกรรมในรายวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
นักเรียนได้คิดทำโครงงานที่มีประโยชน์ต่อการดูแลสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน
๒. ปีการศึกษา ๒๕๔๔ โรงเรียนมีนโยบายให้ครูและนักเรียนแต่ละหมวดวิชาจัดแหล่งเรียนรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม จึงวางแผนร่วมกับนักเรียนในการจัดทำแหล่งเรียนรู้ดังกล่าว โดยนักเรียนรับทำแหล่งเรียนรู้แตกต่างกันไปตามที่ได้ไปศึกษาเรียนรู้มาจากนอกสถานที่
ผลที่ได้
ม.๔/๑ จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์แก้ปัญหาน้ำเสียที่มาจากโรงอาหารโดยใช้เชื้อจุลินทรีย์ EM มากำจัดไขมันทั้งในระดับห้องปฏิบัติการ (lab scale) และการทดลองในภาคสนามโดยใช้บ่อดักไขมันของโรงเรียนเป็นกรณี ตัวอย่าง ตลอดจนคิดหาวิธีการสร้างสิ่งประดิษฐ์เพื่อใช้ป้องกันไขมันไม่ให้ลงสู่คูระบายน้ำ หรือให้มีให้น้อยที่สุด
ม.๔/๒ จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์ "ต้นไม้พูดได้" โดยได้แบ่งพื้นที่รับผิดชอบให้ครอบคลุมทุกบริเวณของโรงเรียนและสำรวจชื่อต้นไม้ในบริเวณที่ รับผิดชอบและจัดทำป้ายนิเทศต้นไม้ต่างๆ โดยระบุให้มีรายละเอียดให้มากกว่า "ชื่อ" เช่นหากเป็นต้นไม้สมุนไพร ก็ให้ระบุ สรรพคุณ หากเป็นต้นไม้ในวรรณคดี ก็ให้อ้างชื่อวรรณคดีดังกล่าว เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ได้จริงๆ เป็นต้น
ม.๔/๓ จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับการศึกษาผลกระทบของปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนพะตงซึ่งเป็นชุมชนอุตสาหกรรม โดยนักเรียนดำเนินการจัดทำชุมชนพะตงจำลองขึ้นที่บริเวณสระน้ำหน้าหมวดวิทยาศาสตร์ ซึ่งใช้เป็นตัวแทนของแหล่งน้ำที่มีโรงงานและชุมชนอยู่ริมน้ำ และจัดทำป้ายนิเทศเพื่อแสดงรายละเอียดของชุมชนจำลอง
ม.๔/๔ จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียน โดยการนำขยะใบไม้มา รีไซเคิลทำเป็นปุ๋ยหมักเพื่อใช้ประโยชน์กับงานเกษตรในโรงเรียน และจะได้ใช้ไขมันที่เก็บกักไว้ในบ่อดักไขมันมาใช้ให้เป็นประโยชน์แทนที่จะทิ้งไปกับขยะอื่นๆ โดยใส่ลงไปในกองปุ๋ยหมักและเพื่อจะได้ช่วยย่อยสลายใบไม้ให้เปื่อยเร็วขึ้น และการนำขยะประเภทกระดาษจากสำนักงานและหมวดวิชาต่างๆ ในโรงเรียนมาทำกระดาษรีไซเคิล โดยเน้นการทำกระดาษหนาๆ (บอร์ดรีไซเคิล)เพื่อใช้แทน ฟิวเจอร์บอร์ด
ม.๔/๕ จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาระบบนิเวศบริเวณสระน้ำหน้าอาคารประชาอุทิศที่เริ่มมีการเน่าเสีย โดยให้นักเรียนกลุ่มนี้ จัดหาสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์มาเลี้ยงในสระดังกล่าว และต้องจัดหามาเพิ่มเติมในกรณีที่ระบบเริ่มเปลี่ยนแปลงตลอดปีการศึกษา ๒๕๔๔ และต้องจัดทำป้ายนิเทศเพื่อระบุชนิดของสิ่งมีชีวิตตลอดจนบ่งบอกความสัมพันธ์ในระบบนิเวศของสระน้ำนั้นๆ
ม.๔/๖ จัดทำมุมส่องนกในชุมชนพะตง โดยช่วงแรกจัดทำป้ายนิเทศรายละเอียดเกี่ยวกับนกที่นักเรียนเคยพบในโรงเรียนและในละแวกบ้านที่อาศัยในชุมชนพะตง และนักเรียนกลุ่มนี้ต้องรับหน้าที่ในการให้ความรู้แก่เพื่อนนักเรียนที่สนใจส่องนกโดยจะจัดเวรกันตลอดปีการศึกษา ๒๕๔๔
ชุมนุมรักษ์สิ่งแวดล้อม จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียน โดยการแยกขยะประเภทกระดาษที่ใช้แล้วหน้าเดียวให้นำมาใช้ใหม่ และกระดาษที่ใช้แล้วสองหน้ามารีไซเคิลเพื่อจัดทำเป็น "บอร์ดรีไซเคิล" เพื่อจะได้นำมาบริการให้กับกลุ่มนักเรียนที่ต้องการใช้กระดาษสี/ ฟิวเจอร์บอร์ดเพื่อจัดป้ายนิเทศในงานต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะได้ลดงบประมาณการจัดซื้อลงได้พอสมควร
กลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อม จากนักเรียน ม.๔/๑ จัดทำโครงการนักสืบสายน้ำ โดยการสำรวจและเก็บข้อมูลทางด้านกายภาพและชีวภาพจากบริเวณลำน้ำในละแวกชุมชนพะตง ที่มีสายน้ำไหลผ่าน โดยเน้นการศึกษาเปรียบเทียบข้อมูลจาก
๑) บริเวณลำน้ำที่ยังไม่ผ่านเขตโรงงานอุตสาหกรรม
๒)บริเวณลำน้ำที่ผ่านเขตโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว
๓. ปีการศึกษา ๒๕๔๕ ชวนชุมชนเข้าเป็นครูให้กับนักเรียนเพื่อศึกษาคุณภาพน้ำคลองอู่ตะเภาและวิถีชีวิตคนริมคลองอู่ตะเภา
ผลที่ได้
นักเรียนในรายวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ว ๔๑๑ ได้รับประสบการณ์การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับชุมชนทั้งในและนอกโรงเรียน ใน เรื่อง กิจกรรมรักคลอง อู่ตะเภา
นักเรียนกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ "กลุ่มนักสืบสายน้ำคลองอู่ตะเภาตอนกลาง" ตรวจวัดคุณภาพน้ำโดยใช้กระบวนการ "นักสืบสายน้ำ" ของมูลนิธิโลก สีเขียว ในช่วงนอกเวลาราชการ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จุดประกายให้กับ ผู้ใหญ่ใจดีจาก ชมรมรักษ์คลองอู่ตะเภาและศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา
คณะวิทยาศาสตร์ สหกรณ์ออมทรัพย์ มอ.หาดใหญ่ และศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาจังหวัดสงขลา ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการตรวจวัดคุณภาพน้ำทางฟิสิกส์ เคมี และชีวภาพ คลองอู่ตะเภา จังหวัดสงขลา ทำให้เกิดเครือข่ายครูโรงเรียนรักษ์คลองอู่ตะเภา จำนวน ๑๗ โรงเรียน
นักเรียนได้เข้าร่วมทำโครงการค่ายเรียนรู้เพื่อกอบกู้สายน้ำ ร่วมกับทีมงานจากศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาจังหวัดสงขลาในช่วงปิดภาคเรียน ทำให้ได้ประสบการณ์ การศึกษาชุมชนจากกระบวนการค่าย
เครือข่ายโรงเรียนรักษ์คลองอู่ตะเภาจำนวน ๗ โรงเรียน ที่มีกิจกรรมเฝ้าระวังคุณภาพน้ำคลองอู่ตะเภาตลอดสายน้ำ โดยแบ่งจุดเก็บตัวอย่างเป็น ๗ สถานี ได้แก่ บริเวณต้นน้ำโดย โรงเรียนชาติตระการโกศล โรงเรียนกอบกุลวิทยาคม และโรงเรียนท่าโพธิ์ บริเวณกลางน้ำ โดยโรงเรียนวัดม่วงก็อง โรงเรียนพะตงประธานคีรีวัฒน์ บริเวณปลายน้ำ โดย โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ๒ โรงเรียนเกาะแต้วพิทยาสรรค์ และโรงเรียนบ้านแม่ทอม
มีการวางแผนและใช้กระบวนการร่วมกันในงานวิจัยของ น.ส.วิลาวัลย์ มีพัฒน์ จากคณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มอ.หาดใหญ่ เรื่อง การสร้างกระบวนการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมโดยใช้บทเรียนโมดูล เรื่อง คลองอู่ตะเภา : กรณีศึกษา โรงเรียนพะตงประธานคีรีวัฒน์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยครูในรายวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเป็นผู้ใช้กระบวนการกับนักเรียน
ผลที่ได้ของงานวิจัยบทเรียนโมดูล เรื่อง คลองอู่ตะเภา
๑. นักเรียนมีความพึงพอใจในกระบวนการอยู่ในระดับดีมาก เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้สิ่งที่อยู่รอบตัวด้วยการปฏิบัติจริงในภาคสนาม
๒. ครูผู้ใช้กระบวนการมีความพึงพอใจอยู่ในระดับดีมาก เนื่องจากเป็นการใช้แหล่งเรียนรู้ที่อยู่ในชุมชนของนักเรียน และสามารถทำให้นักเรียนเข้าใจสภาพปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงในชุมชน
๓. โรงเรียนและผู้บริหารมีความพึงพอใจในระดับดีมาก เนื่องจากสามารถทำให้โรงเรียนจัดการสอนตามแนวปฏิรูปการศึกษาที่มุ่งใช้แหล่งเรียนรู้ให้กับนักเรียนเพื่อสร้างจิตสำนึกในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชน
๔. ชุมชนมีความพึงพอใจในระดับดีมาก เนื่องจากชุมชนมองเห็นความต่อเนื่องในการนำนักเรียนเข้าทำกิจกรรมตรวจวัดคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำของชุมชนทั้งคลองอู่ตะเภาและคลองสาขา
๕. ปีการศึกษา ๒๕๔๖ ชวนเพื่อนครูที่สนใจการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการและชวนชุมชนที่เกี่ยวข้องมาร่วมเป็นครูให้กับนักเรียนในรายวิชา "รักษ์คลองอู่ตะเภา ว๔๑๒๐๑" ซึ่งได้นำกระบวนการที่ได้จากการทำวิจัย เรื่อง การสร้างกระบวนการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมโดยใช้บทเรียนโมดูล เรื่อง คลองอู่ตะเภา มาเป็นแนวทางในการพัฒนาบทเรียนด้านการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมร่วมกับชุมชนและรายวิชาที่ร่วมบูรณาการทั้งระดับชั้น ม.๔
ผลที่ได้
ครูผู้สอนมีความมั่นใจในกระบวนการจัดประสบการณ์ในเรื่อง "รักคลองอู่ตะเภา"มากยิ่งขึ้นเนื่องจากมีผลการวิจัยมารองรับ ประกอบกับใช้ระยะเวลาในการทดลองกับนักเรียนด้วยตนเองมาเป็นช่วงเวลา ๕ ปี ทำให้เชื่อมั่นในองค์ความรู้ที่นักเรียนจะได้รับ
นักเรียนที่ได้รับประสบการณ์จากกระบวนการดังกล่าวสามารถจัดทำโครงการที่ช่วยฟื้นฟูคลองอู่ตะเภาในระดับหนึ่ง ซึ่งมุ่งเน้นทางด้านการตรวจวัดคุณภาพน้ำคลองอู่ตะเภา เพื่อเป็นการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ และร่วมมือกับชุมชนในการทำเวทีชุมชนเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตคนริมคลองอู่ตะเภา ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเป็นจำนวน ๔ เวที
ในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๔๖ เพื่อนครูในระดับชั้น ม.๔ จำนวน ๑๔ รายวิชาของ ๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ครูผู้เข้าร่วมจำนวน ๑๗ คน เข้าร่วมกิจกรรมบูรณาการ "รักษ์ถิ่น" นับเป็นการนำกระบวนการบูรณาการรายวิชาจากแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้มาวางแผนร่วมกันจนได้ประเด็นร่วม คือ "รักษ์ถิ่น" เมื่อนักเรียนได้วางแผนการทำงานร่วมกับครูเรียบร้อยจะลงไปดำเนินการสำรวจและเก็บข้อมูลจากชุมชนในทุกมิติ เช่น วิถีชีวิต ชาวพุทธตัวอย่าง คุณภาพน้ำคลองอู่ตะเภา โภชนาการคนริมคลอง เป็นต้น
ได้ทำกิจกรรมล่องคลองอู่ตะเภา ร่วม สหกรณ์ออมทรัพย์ มอ.หาดใหญ่ ตั้งแต่ช่วงคลองอู่ตะเภาตอนกลางไปจนถึงตอนปลายบริเวณแหลมโพธิ์ พร้อมกับร่วมเวทีเสวนาชาวบ้านกับชุมชนที่เราล่องเรือไปถึง
ได้รับการประสานงานจากหน่วยงานที่สนใจงานดูแลสิ่งแวดล้อมชุมชนให้ไปร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เช่น เวทีพลังชุมชน พลังท้องถิ่น และพลังเมืองน่าอยู่ ของการสัมมนาเชิงปฏิบัติการประจำปี ๒๕๔๖ ณ กรุงเทพมหานคร
ได้รับเชิญเป็นวิทยากรด้านจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ "รักษ์คลองอู่ตะเภา" ทั้งในระดับภาคและระดับประเทศ เช่น งานเสวนาสิ่งแวดล้อมระดับท้องถิ่นและงานเสวนาสิ่งแวดล้อมระดับชาติ ครั้งที่ ๒
ได้รับเชิญเป็นวิทยากรกระบวนการในการจัดกิจกรรมสิ่งแวดล้อมศึกษาร่วมกับทีมเครือข่ายรักษ์ทะเลน้อยประกอบด้วย ๓ จังหวัด (พัทลุง ,นครศรีธรรมราช ,สงขลา)
๖. ช่วงภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๔๗ ชวนปราชญ์ชุมชนเข้าร่วมคิดวางแผนทำหลักสูตร "รักษ์คลองอู่ตะเภา" ของเครือข่ายโรงเรียนรักษ์คลองอู่ตะเภา และร่วมเป็นครูให้นักเรียน ตามแผนงานจิตสำนึกรักษ์คลองอู่ตะเภา ของโครงการสร้างการมีส่วนร่วมกับการจัดการสภาพแวดล้อมเมืองหาดใหญ่ ตลอดจนเป็นผู้ใช้กระบวนการในงานวิจัย เรื่อง กระบวนการบูรณาการรายวิชาต่างๆ เข้าสู่ รายวิชารักษ์คลองอู่ตะเภา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ : กรณีศึกษาโรงเรียนพะตงประธานคีรีวัฒน์ ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ของ นางสาวพิมพ์ลักษณ์ โหงนาค นศ. ป.โท สาขาวิชาสิ่งแวดล้อมศึกษา คณะ-การจัดการสิ่งแวดล้อม มอ.หาดใหญ่
ช่วงภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๔๗ ได้มีหน่วยงานเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพจังหวัดสงขลาซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ มาร่วมพัฒนากระบวนการบูรณา-การการจัดการสิ่งแวดล้อมสู่สุขภาวะ โดยทีมงานจากพะตงประธานคีรีวัฒน์พัฒนาเป็นโครงการสานสายใยเพื่อสุขภาพ ซึ่งมีนักเรียน ครู และชุมชนที่เกี่ยวข้องมาร่วมพัฒนาโครงการ ซึ่งการดำเนินงานในครั้งนี้นับเป็นการบูรณาการของทีมงานที่มีความหลากหลายในเนื้อหาสาระอย่างแท้จริง และเป็นการร่วมมือกันจัดการสิ่งแวดล้อมสู่สุขภาวะของทุกคนในชุมชนทั้งในและนอกโรงเรียน โดยมี
ในช่วงเดียวกันก็มีโครงการจากหน่วยงานของรัฐ อาทิ
๖.๑ โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งสายน้ำเพื่อการอนุรักษ์ ของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ ๑๖ เข้ามาร่วมร้อยเครือข่ายนักสืบสายน้ำบริเวณต้นคลอง เขตอำเภอสะเดา และเขตอำเภอหาดใหญ่ที่ต่อจากสะเดา
๖.๒ โครงการเยาวชนอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติหมู่บ้านและเมือง(ทสม.) ของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลา เพื่อขยายเครือข่าย ทสม.ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของจังหวัดสงขลา
๖.๓ โรงเรียนสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมเฉลิมพระเกียรติ พ.ศ. ๒๕๔๗ จากสมาคมสร้างสรรค์ไทย และกลุ่มบริษัทฮอนด้าแห่งประเทศไทย โรงเรียนจึงได้พัฒนาโครงการ "ร่วมฝัน.. น้ำใส.. ให้ชุมชน"
๖.๔ องค์กรสำรวจวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเพื่อวิทยาศาสตร์โลก (Global Learning and Observations to Benefit the Environment : GLOBE) โดยมี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นผู้ประสานงานในประเทศไทย ได้เชิญครูแกนนำเครือข่ายรักษ์คลองอู่ตะเภาเข้าอบรมเชิงปฏิบัติการ"การวิจัยอย่างนักวิทยาศาสตร์ตามหลักการของ GLOBE ครั้งที่ 1" (GLOBE Students-Teacher-Scientist collaboration research) และ อบรมเชิงปฏิบัติการ "GLOBE International Train the Trainer" - "GLOBE International Marine Hydrology Symposium"
ผลที่ได้
ได้ความเชื่อมั่นในกระบวนการบูรณาการรายวิชาต่างๆ เข้าสู่รายวิชารักษ์คลองอู่ตะเภา จากผลการวิจัยของ น.ส.พิมพ์ลักษณ์ โหงนาค นศ.ป.โท คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มอ.หาดใหญ่ และผลดังกล่าวสอดคล้องกับองค์ความรู้ที่ได้จากเวทีการค้นหาศักยภาพของชุมชนทำให้ใช้เป็นแนวทางในการสอนบูรณาการได้
โรงเรียนได้บูรณาการโครงการที่เข้ามาในช่วงภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๔๗ เข้าเป็นหนึ่งเดียวเพราะต่างก็อยู่ในประเด็น "การจัดการสิ่งแวดล้อมสู่สุขภาวะ" และทำให้สามารถบูรณาการงบประมาณที่ได้รับเป็นงบประมาณที่เอื้อต่อกันของแต่ละโครงการ จนทำให้เกิดกิจกรรมที่หลากหลาย และแก้ปัญหางบประมาณไม่เพียงพอในแต่ละโครงการได้
โรงเรียนได้เป็นแกนนำในการทำหลักสูตรการจัดการสิ่งแวดล้อม "คลองอู่ตะเภา" ของโรงเรียนเครือข่ายรักษ์คลองอู่ตะเภา ในเขตพื้นที่การศึกษาสงขลาทั้งสามเขต
เครือข่ายโรงเรียนรักษ์คลองอู่ตะเภาเพิ่มขึ้นตลอดสายน้ำ จาก ๑๘ โรงเรียนในช่วงเริ่มแผนงานจิตสำนึกรักษ์คลอง จนกลายเป็น ๔๘ โรงเรียน ในช่วงทำเวทีประชาพิจารณ์หลักสูตร
ได้รับการคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมเฉลิมพระเกียรติ พ.ศ.๒๕๔๗ ในระดับเขตพื้นที่การศึกษาสงขลา เขต ๒ และระดับจังหวัดสงขลา
ครูแกนนำเครือข่ายโรงเรียนรักษ์คลองอู่ตะเภาเข้าเป็นวิทยากรแกนนำของ GLOBE ภาคใต้เพื่อนำกระบวนการต่างๆ มาบูรณาการเข้าสู่ห้องเรียนและกิจกรรม "รักษ์คลองอู่ตะเภา"
๗. ช่วงภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๔๘ โครงการสานสายใยเพื่อสุขภาพได้ขอขยายเวลาในการนำเกษตรพอเพียงสู่ชุมชนอื่นๆ ที่สนใจกระบวนการ ทั้งนี้เกิดจาก กระบวนการของทีมแกนนำ ไปขยายผลในชุมชนเอง และกระบวนการของนักเรียนที่ไปขุดบ่อเลี้ยงปลา และปลูกผักไร้สารพิษในบริเวณชุมชนของนักเรียน ในรายวิชาสังคมศึกษา และรักษ์คลองอู่ตะเภา ปี ๑/๒๕๔๘ นอกจากนั้นบุคลากรในโรงเรียนที่สนใจก็ได้นำไปขยายผลในชุมชนที่อยู่ต่างพื้นที่ของตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทำให้เกิดความสนใจของบัณฑิตอาสาพัฒนาจาก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ โดยนำกระบวนการของเกษตรพอเพียงนี้ไปขยายผลต่อในชุมชนที่บัณฑิตรับผิดชอบโดยใช้งบประมาณของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นับได้ว่าเป็นความโชคดีของชุมชนที่ได้มีโอกาสสัมผัสกับงานเกษตรพอเพียง เพราะผลที่ออกมาจากการทำเกษตรพอเพียง ล้วนแต่ส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นปลาที่เลี้ยงโดยปราศจากสารพิษ และผักที่นำมาปลูกแบบไร้สารพิษ และที่สำคัญอย่างยิ่ง คงเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมที่เราสามารถคัดแยกขยะเปียกมาทำเป็นปุ๋ยน้ำชีวภาพ และใช้ได้ทั้งบ่อเลี้ยงปลาเพื่อปรับสภาพน้ำ และใช้กับผักสวนครัวเพื่อใช้เป็นปุ๋ย ทุกอย่างไม่มีการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกันสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยก็เข้ามาสนับสนุนในโครงการลดเมืองร้อนด้วยมือเรา ทำให้ทีมงานเสนอกิจกรรมในแผนงานย่อยเป็นเรื่องของการคัดแยกขยะประเภทใบไม้มาทำปุ๋ยหมักชีวภาพ และมุ่งเน้นให้นักเรียนกลับไปปลูกต้นไม้ในชุมชนคนละหนึ่งต้นพร้อมกับการรักษาดูแล และนำปุ๋ยหมักชีวภาพไปใช้ใส่เป็นปุ๋ยสำหรับต้นไม้ สุดท้ายมีการทำเตาต้นแบบในการประหยัดพลังงาน โดยนำวัสดุที่เป็นขยะในสวนยางพารา ได้แก่ เปลือกที่หุ้มลูกยางพารา มาเป็นเชื้อเพลิงเพื่อทำถ่านที่มีพลังงานสูงกว่าถ่านไม้ธรรมดา
ผลที่ได้
เกิดทีมเกษตรพอเพียงมากขึ้นเป็นลำดับ ส่งผลดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมตลอดจนภาวะเศรษฐกิจครัวเรือน
เกิดความต่อเนื่องของงานเกษตรพอเพียงจากโรงเรียนสู่ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรมแม้ว่าจะมีปัญหาในด้านงบประมาณที่เป็นค่าใช้จ่ายเริ่มของบ่อที่เพิ่งดำเนินการแต่ทีมงานใช้กระบวนการบูรณา-การงบประมาณจากหลายๆ โครงการเข้ามาผสมผสานทำให้สามารถดำเนินการไปได้อย่างไม่ติดขัดส่งผลดีต่อผู้ได้รับผลประโยชน์ คือ นักเรียนและชุมชนดังกล่าว
เกิดงานบูรณาการที่สามารถเชื่อมโยงไปยังท้องถิ่นอื่นๆ ที่สนใจกระบวนการจัดการสิ่งแวดล้อมสู่สุขภาวะ โดยใช้แนวทางพึ่งตนเองแบบพอเพียงตามรอยเท้าองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทีมงานเกิดแนวคิดที่จะเชื่อมโยงงานส่วนนี้ไปยังเยาวชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงของสารเสพติด โดยให้มาทำอาชีวบำบัดด้วยเกษตรพอเพียง เพื่อสร้างเยาวชนเปลี่ยนวิถี
พบแนวทางการฟื้นฟูคลองอู่ตะเภา ที่เริ่มจากชุมชนริมคลองหันมาทำเกษตรพอเพียง ทำให้ลดปริมาณขยะที่จะนำสู่คลองอู่ตะเภาและช่วยบำบัดน้ำเสียจากครัวเรือนของตนเองในชุมชนตลอดจนมีรายได้จากการเลี้ยงปลาและปลูกผักที่ไร้สารพิษ หากสามารถทำให้ชุมชนลงมาเล่นบทบาทนี้กันมากๆ จะมีโอกาสทำให้ทุกคนในชุมชนได้บริโภคอาหารปลอดภัยกันอย่างจริงจัง และอาจจัดเป็นตลาดนัดอาหารปลอดภัยในแต่ละชุมชนเป็นการเพิ่มสุขภาพทางด้านอาหารให้กับทุกคน
พบแนวทางการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาที่สอดคล้องกับท้องถิ่นในเรื่อง "การจัดการสิ่งแวดล้อมสู่สุขภาวะ" ของคนจังหวัดสงขลา คาดว่าหลักสูตรนี้จะสำเร็จภายในปีการศึกษา ๒๕๔๘ โดยมีโรงเรียนพะตงประธานคีรีวัฒน์ และเครือข่ายโรงเรียนรักษ์คลองอู่ตะเภาเป็นกลุ่มแกนนำในการจัดทำหลักสูตรดังกล่าว