สงขลาพอเพียง : เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพจังหวัดสงขลา - Songkhla Health

ตรวจเจอวัตถุกันเสียเจือปน ส่งผลต่อโรคหอบหืด
          นพ.ไพจิตร์ วราชิต อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยถึงผลการศึกษาปริมาณวัตถุเจือปนในอาหารนำเข้าว่า จากการสุ่มเก็บตัวอย่างอาหารนำเข้าต่างๆ เช่น ผลไม้แห้ง และปรุงรส เครื่องดื่ม น้ำผลไม้ ขนมบิสกิต แยม และลูกอม ในระหว่างปีงบประมาณ 2549 จำนวนทั้งสิ้น 361 ตัวอย่าง นำมาตรวจวิเคราะห์หาสารวัตถุกันเสีย ประเภท กรดเบนโซอิค และกรดซอร์บิค

ซึ่งจากผลการตรวจวิเคราะห์พบว่ามีการใช้กรดเบนโซอิคมากที่สุด โดยมีค่าระหว่าง 10 ถึง 2,248 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม จำนวน 115 ตัวอย่าง คิดเป็น 31.8% ในจำนวนนี้พบมีปริมาณเกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ที่กำหนดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 281 (พ.ศ.2547) จำนวน 24 ตัวอย่าง โดยพบปริมาณการปนเปื้อนสูงที่สุด ในตัวอย่าง ผลไม้แห้งและปรุงรส ประเภท บ๊วยหวาน ท้อ แช่อิ่ม ลูกพรุน และเชอรี่แช่อิ่ม

      นอกจากนี้ยังพบกรดซอร์บิค จำนวน 42 ตัวอย่าง คิดเป็น 11.6% ในจำนวนนี้พบมีปริมาณเกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมจำนวน 2 ตัวอย่าง ในตัวอย่างขนมบิสกิตสอดไส้ นอกจากนี้ยังตรวจพบวัตถุให้ความหวานประเภท ซัคคาริน หรือขัณฑสกร จำนวน 109 ตัวอย่าง จากทั้งหมด 177 ตัวอย่าง คิดเป็น 61.6% โดยมีปริมาณซัคคารินระหว่าง 8 ถึง 9,152 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งพบปริมาณสูงสุดในตัวอย่างประเภทลูกบ๊วยหวาน กิมจ๊อ และลูกท้อ

        นพ.ไพจิตร์กล่าวว่า วัตถุกันเสียชนิดกรดเบนโซอิค และกรดซอร์บิค ที่ตรวจพบนั้นมีคุณสมบัติในการยับยั้ง ยีสต์ รา และแบคทีเรีย สามารถป้องกันการเน่าเสียได้ดี ทั้งยังมีราคาไม่แพง จึงเป็นที่นิยมใช้ในอาหารทั่วไป โดยถ้าร่างกายได้รับกรดเบนโซอิคในปริมาณมาก จะทำให้เกิดอาการปวดท้องและท้องเสียและมีผลต่อโรคหอบหืด ส่วนกรดซอร์บิคนั้นมีความเป็นพิษน้อยกว่า และสามารถขับออกจากร่างกายได้ในรูปคล้ายกรดไขมัน ส่วน สารซัคคาริน หรือขัณฑสกรนี้เป็นสารก่อมะเร็ง (Carcinogen) โดยมีหลายประเทศออกประกาศห้ามใช้ เช่น สหรัฐ และแคนาดา โดยจะอนุญาตให้ใช้เฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ต้องการควบคุมน้ำหนัก และห้ามใช้ในอาหารเด็กที่มีปัญหาสุขภาพ

ที่มา สำนักงานกองทุนสบับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ