สงขลาพอเพียง : เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพจังหวัดสงขลา - Songkhla Health

หนุนเสริมภาคี ประสานความร่วมมือ

โรคเอดส์ครองแชมป์ปลิดชีวิตคนไทย

by wanna @23 ก.พ. 50 11:05 ( IP : 124...203 ) | Tags : สาระน่ารู้

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 กุมภาพันธ์ 2550 18:32 น.

      นักวิจัยเผย 10 อันดับการตาย เอดส์ยังคงครองแชมป์ รองลงมาเป็นอุบัติเหตุทางถนน โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็งตามลำดับ ระบุ ปัจจัยเสี่ยงเกิดโรค เหล้านำมาเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่ภาวะจิตเวชน่าห่วงเพิ่ม 2 เท่า
      วันนี้ (22 ก.พ.) ท.พญ.กนิษฐา บุญธรรมเจริญ นักวิจัยโครงการวิจัยสถานการณ์ภาระโรคคนไทย กล่าวว่า จากการเก็บข้อมูลในปี 2542-2547 พบว่า จากสถานการณ์ภาระทางสุขภาพของคนไทย ทั้งชายและหญิง ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เห็นว่า การสูญเสียสุขภาวะที่เกิดจากโรคเอดส์ยังเป็นสาเหตุอันดับแรก ตามมาด้วยแอลกอฮอล์ 3.บุหรี่ 4.ความดันเลือดสูง 5.การไม่สวมหมวกนิรภัยและคาดเข็มขัดนิรภัย 6.ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน 7.ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง 8.การบริโภคผักและผลไม้น้อย 9.ขาดการออกกำลังกาย 10.การใช้สารเสพติด 11.มลพิษทางอากาศ 12.การขาดน้ำสะอาด การสุขาภิบาลอนามัยที่ไม่เหมาะสม 13.ภาวะทุพโภชนาการ ตามมาตรฐานสากล
      ทั้งนี้ สาเหตุการตายของชายไทย 10 อันดับแรก ได้แก่ เชื้อเอดส์ อุบัติเหตุทางถนน โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็งตับ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ตับแข็ง ภาวะปอดอุดตันเรื้อรัง มะเร็งปอด จมน้ำ และการบาดเจ็บจากการทำร้ายตนเอง ส่วนเพศหญิงตายจากสาเหตุแรก คือ โรคเอดส์ รองมา คือ โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวาน กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มะเร็งตับ อุบัติเหตุทางถนน โรคติดเชื้อเฉียบพลันในทางเดินหายใจส่วนล่าง มะเร็งปากมดลูก ตับอักเสบ มะเร็งเต้านม
      ท.พญ.กนิษฐา กล่าวว่า เมื่อจำแนกภาระโรคของเพศชายและหญิง พบว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคมากที่สุด เพศชาย 5 อันดับ คือ การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย แอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ไม่สวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้จักรยานยนต์ และระดับความดันโลหิตสูง ส่วนเพศหญิงปัจจัยเสี่ยง 5 อันดับแรก คือ การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ระดับความดันโลหิตสูง การมีดัชนีมวลกายสูง ระดับคอเลสเตอรอลสูง และการไม่สวมหมวกนิรภัย นอกจากนี้ ชายไทยสูบบุหรี่ เป็นประจำเพิ่มขึ้นจาก ปี 2542 จำนวน 38.9% แต่ในปี 2547 สูบบุหรี่ถึง 45.9% ในจำนวนนี้เป็นวัยอายุ 15-29 ปี ส่วนหญิงไทยเพิ่มขึ้นไม่แตกต่างกันนัก ประมาณ 2.3%
      "ในส่วนของภาระโรคที่อยู่ในกลุ่มของโรคทางด้านจิตเวชของประชากรไทย พบว่า ภาระโรคของประชากรไทยที่มีปัญหาทางจิตเวชในปี 2547 เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 1.2 ล้านปีสุขภาวะ เทียบกับปี 2542 มี 5.9 แสนปีสุขภาวะเท่านั้น เท่ากับคนไทยมีปัญหาทางจิตเพิ่มขึ้น 2 เท่า โดยสาเหตุหลักของการสูญเสียจากภาวะบกพร่องทางสุขภาพในชาย ได้แก่ โรคทางจิตเวช 40% รองลงมา คือ โรคความผิดปกติทางการรับรู้คิดเป็น 11% สำหรับเพศหญิง สาเหตุหลักคือ โรคทางจิตเวช 29 % รองลงมา คือ โรคความผิดปกติทางการรับรู้ 15%"
      นอกจากนี้ จากการศึกษาภาระโรค หรือความสูญเสียทางสุขภาพ ที่เกิดจากการเจ็บป่วยหรือพิการและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ซึ่งจากการประมาณการจำนวนปีที่สูญเสียไปจากการตายก่อนวัยอันควร ในปี 2547 โดยวิเคราะห์จากอายุเฉลี่ยสูงสุดของมนุษย์ ซึ่งนำอายุเฉลี่ยสูงสุดของประเทศญี่ปุ่นเป็นตัวตั้ง คือ ชาย 80 ปี และหญิง 82.5 ปี และนำช่วงอายุระหว่างที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควร พบว่า ชายไทยมีความสูญเสียจากการตายประมาณ 4 ล้านปี และผู้หญิงไทยมีความสูญเสียจากการตายประมาณ 2.6 ล้านปี

Comment #1
นัน (Not Member)
Posted @6 พ.ย. 50 10:52 ip : 125...138

Comment #2
Jans (Not Member)
Posted @8 พ.ค. 51 09:45 ip : 125...18

ยาสมุนไพรยับยั้งเชื้อ H.I.V

พบยาสมุนไพรไทยที่จังหวัดขอนแก่นมีสรรพคุณในการทำให้ภูมิคุ้มกันดีขึ้นมากและมีอาการดีเกือบปรกติภายใน 1-2เดือน รายละเอียดกรุณาอ่านรายละเอียด

    นาง บุญเหลือ โยธานันท์ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 144/1 หมู่ 18 ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ของแก่น     คนไข้ติดเชื้อ เอช ไอ วี กับสามีคือ นาย อำพร โยธานันท์ ประมาณ 9 ปีแล้ว นาย อำพร ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 2 มี.ค 2546 ต่อมาลูกชายคนโตคือ ด.ช ขวัญชัย โยธานันท์ อายุ 10 ปี ได้เสียชีวิตเพราะติดเชี้อไปอีก 1 คน เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 46     คงเหลือแต่ นาง บุญเหลือ กับลูกชายคนเล็กอีก 1 คน คือ ด.ช สลักใจ โยธานันท์อากาของนาง บุญเหลือก่อนที่จะทานยาสมุนไพรคือวิงเวียนศรีษะ หน้ามืด อ่อนเพลีย น้ำลายเหนียว เบื่ออาหาร นอนไม่หลับจนต้องทานยาระงับประสาท จากโรงพยาบาล คนไข้ไม่เคยรับประทายาต้านไวรัสเอดส์เลย ตัวซีดเซียว และจะมีฝีเม็ดขนาดลูกมะนาวขึ้นตามบริเวณใต้รักแร้ โคนขา หรือบริเวณที่ผิวหนังอ่อน ตอนก่อนประจำเดือนจะมาทุกๆเดือน จนเป็นแผลเป็นเป็นจ้ำๆ น้ำหนักตัว 51 ก.ก. ผลการตรวจเม็ดเลือดขาวมีประมาณ 200อาการหลังจากรับประทานยาสมุนไพร     คนไข้เริ่มทานยาสมุนไพรเมื่อวันที่ 2 ก.พ 2548 โดยต้มดื่มแทนน้ำตลอดเวลา ทานสัปดาห์แรกคนไข้มีอาการร้อนวุบวาบไปทั้งตัวและเหงื่อออก แต่ประมาณ 5 นาที อาการดังกล่าวก็หายไป ปรากฏว่าอาการของคนไข้ดีขึ้นคือ ไม่มีอาการตามที่กล่าวมาข้างต้นอีก คนไข้น้ำหนักตัวขึ้น 63 ก.ก ทานอาหารได้ นอนหลับ มีอาการเหมือนคนปกติ ฝีที่เคยขึ้นก็ยุบหายไปหมด ประจำเดือนก็มาปกติ     ผลเลือดเมื่อวันที่ 21 มิ.ย 2548 คือ CD 4=618(22.77) คนไข้ทานยาต้มมาตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ 2548 จนถึงเดือน มิ.ย 2548 คนไข้ได้ไปตรวจ หาเชื้อ เอช ไอ วี ในเลือดปรากฏว่ายังมีอยู่ แต่คนไข้ยืนยันว่าตัวเองมีอาการดีขึ้นมากเพราะยาต้มสมุนไพร จึงขอรับประทานต่อไปเผื่อว่าตัวเองจะมีโอกาสหายจากโรคนี้ในอนาคต     อันนี้เป็นการยืนยันจากปากคนไข้เองเพราะว่าเพื่อนที่เป็นพร้อมกันแต่เขาทานยาต้านไวรัสเอดส์ตรงกันข้ามกับนาง บุญเหลือ ซึ่งทานยาต้มสมุนไพรแต่เพื่อนได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว เหลือแต่ตัวเองที่อาการดีมากเหมือนคนปกติทั่วไป อยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ คุณ ธิดา อึ้งนภารัตน์ 083-3459197 ที่จังหวัดขอนแก่นครับ

ขออภัย ขณะนี้เว็บไซท์ของดการสร้างหัวข้อใหม่และการแสดงความคิดเห็นไว้ชั่วคราว