การกินยา หลักการง่ายๆที่คุณควรรู้
สวัสดีคะ บางท่านอาจสงสัยว่ายาที่พัฒนาใหม่ดีกว่ายาชนิดเดิมที่รักษาโรคเดียวกันอย่างไร
โดยทั่วไปยาที่พัฒนาขึ้นมาใหม่นั้นมักมีประสิทธิภาพในการรักษาดีขึ้น มีผลข้างเคียงน้อยลง ใช้ได้ง่ายขึ้น เช่น ทานยาน้อยครั้งลงช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาลนานเหมือนเดิม สุขภาพจิตดีและทำให้หายป่วยเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามการใช้ยาในแต่ละครั้งท่านควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ฉบับนี้เราจึงนำข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ มาฝากกันคะ
การใช้ยาเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และข้อควรระวังในระหว่างใช้ยา คือ
1.ท่านควรแจ้งแก่แพทย์หรือเภสัชกร หากท่านเคยมีประวัติการแพ้ยา และโรคประจำตัวอย่างละเอียด ที่สำคัญคือ โรคเกี่ยวกับตับ ไต เนื่องจากเป็นอวัยวะที่เกี่ยวกับการกำจัดและขับของเสียออกจากร่างกาย และหลังจากที่ท่านได้รับยาจากแพทย์หรือเภสัชกร ท่านควรรักษาสิทธิของท่านในการถามถึงชื่อยาทางการค้า และชื่อยาสามัญทุกครั้ง
2.ท่านควรศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับยาที่ท่านจำเป็นต้องใช้บ่อยครั้งถึงขนาดที่ใช้ อาการข้างเคียง โดยอาจสอบถามจากแพทย์หรือเภสัชกรและไม่ควรซื้อยาชุดมารับประทานเอง
3.รับประทานยาหรือใช้ยาตามที่กำหนดเพราะยาบางอย่างมีวิธีใช้เฉพาะเพื่อให้ยาออกฤทธิ์ดีและมีสรรพคุณตามต้องการ เช่น ยาผงแห้ง แก้อักเสบ สำหรับเด็ก หากนำไปผสมกับน้ำร้อนจะทำให้เสื่อมสภาพ และไม่ทานเพิ่มหรือลดขนาดยาเอง เพราะยาบางชนิดหากเพิ่มยาเองเพียงเล็กน้อย อาจทำให้เกิดผลเสียบางอย่างที่รุนแรง เช่น ยาโรคหัวใจดิจิตาลิส ยาขยายหลอดลมธีโอฟิลลิน เป็นต้น
4.ไม่ควรให้ยาที่ท่านใช้กับผู้อื่น หรือไม่ควรใช้ยาของผู้อื่นโดยที่ท่านคิดว่าเป็นอาการเดียวกัน เพราะยาที่แพทย์หรือเภสัชกรจ่ายให้ผู้ป่วยจะต้องพิจารณาแล้วว่ายาชนิดนั้นเหมาะกับโรคหรืออาการของผู้ป่วยแต่ละคน ซึ่งปริมาณการใช้ยาจะพิจารณาจากน้ำหนักตัว อายุของผู้ป่วยและยาที่ให้ไปจะต้องเหมาะสมสำหรับการรักษาเฉพาะรายยกเว้นยาสามัญประจำบ้านที่ท่านสามารถใช้ร่วมกันได้
5.ยาบางชนิดไม่ต้องทานต่อเนื่อง ท่านสามารถหยุดยาได้เมื่ออาการหาย เช่น ยาลดไข้ ลดน้ำมูก รับประทานจนหายก็หยุดยาได้ แต่ยาบางชนิดต้องรับประทานติดต่อกันระยะเวลาหนึ่ง หรือ บางชนิดต้องรับประทานไปตลอด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาเบาหวาน ยาที่ใช้เป็นฮอร์โมนทดแทนในกลุ่มหญิงวัยหมดประจำเดือน ควรรับประทานสม่ำเสมอตลอดชีวิต ทั้งนี้ท่านควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง
6.เมื่อท่านต้องใช้ยาเพิ่มเติมจากยาที่ท่านใช้อยู่ ท่านควรปรึกษาแพทย์ เภสัชกรก่อนทุกครั้ง เพราะการใช้ยามากชนิด อาจเกิดปฏิกิริยาต่อกันอาจทำให้เพิ่มผลการรักษา หรือ เพิ่มผลข้างเคียง หรือเพิ่มพิษของยาก็ได้
7.ยาที่ท่านจะต้องใช้รักษาโรคเรื้อรังซึ่งต้องทานติดต่อกันไปท่านควรมีประจำตัวไว้ตลอดเวลาอย่าให้ขาด โดยเฉพาะเวลาเดินทาง เพราะยาบางชนิดถ้าหยุดยาอย่างกะทัน จะทำให้เกิดอาการกำเริบได้อย่างทันทีทันใด
8.ไม่ควรทานยาในที่มืด ควรอ่านฉลากยาทุกครั้งก่อนใช้ยา
9.ควรทานยากับน้ำธรรมดา หรือน้ำอุ่น
10.ไม่ควรทานยาร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
11.ไม่ควรทานยาร่วมกับชา กาแฟ น้ำอัดลม หรือน้ำผลไม้ เพราะจะทำให้ยามีผลในการรักษาลดลง
12.ไม่ควรดื่มนมร่วมกับยาระบาย เพราะอาจจะทำให้มีอาการคลื่นเหียนอาเจียนและท้องเสียได้
หากท่านมีอาการของการแพ้ยา เช่น เป็นไข้ มีผื่นแดงคัน ลมพิษบวม เนื้อเยื่ออ่อนบวมแดง แสบ อาเจียน หอบ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดหัวช็อก ควรหยุดยาและไปพบแพทย์ทันที และควรนำยาที่ท่านมีอาการแพ้แสดงให้แพทย์ทราบ เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง และรวดเร็ว
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับข้อควรระวังในระหว่างใช้ยา การเก็บรักษาและการเตรียมยาเมื่อต้องเดินทางไกล เราจะนำมาเสนอในฉบับหน้า
Relate topics
- การแยกขยะ มาตรวัดกึ๋นท้องถิ่นบ้านเรา/คอลัมน์...ได้อย่าง ไม่เสียอย่าง
- 'บุหรี่' เลิกไม่ยาก
- "ใช้เน็ตแบบปลอดภัย" โดย Security-in-a-Box
- เหตุผลที่พลังงานนิวเคลียร์ไม่ใช่ทางเลือกที่ยั่งยืน
- ขนมบรรจุซอง ภัยร้ายใกล้ตัวเด็ก
- ปากคำ"แพทย์"เหยื่อพริตตี้ กลยุทธ์ขายยาล้ำ"จริยธรรม"
- เปิดโลกการอ่าน ตอนโลกการ์ตูน
- ระวัง ‘พริกน้ำปลา’ ภัยร้ายผู้สูงวัย มีโซเดียมเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด
- กระบวนการสอนสร้างอนาคตร่วมกัน - Future Search Conference (F.S.C.)
- เด็กไทยเห็นแก่ตัว “ให้” ไม่เป็น