สงขลาพอเพียง : เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพจังหวัดสงขลา - Songkhla Health

หนุนเสริมภาคี ประสานความร่วมมือ

มองมุมกลับ ขยะล้นเมือง

by kai @14 ธ.ค. 47 22:38 ( IP : 61...150 ) | Tags : มุมมองหมอ
photo  , 360x480 pixel , 73,426 bytes.

" มองมุมกลับ  ขยะล้นเมือง  "

ปัญหาขยะนั้นต้องบอกว่าเป็นปัญหาของโลกในยุคใหม่  เพราะสมัยปู่ย่าของเรานั้น  วิถีชีวิตในอดีต  มีการสร้างขยะน้อยมาก  เพราะทุกอย่างมาจากวัสดุธรรมชาติ    หมูหมากาไก่ล้วนมีส่วนร่วมในการกำจัดขยะ  รวมทั้งในสมัยก่อนมีการปลูกฝังอะไรมากมาย  เช่นหากกินข้าวเหลือหรือหกจะถูกตี  ขวดทุกใบจะเก็บไว้จนเต็มตู้เผื่อว่าได้ใช้ซ้ำ  ขยะในสมัยโบราณจึงไม่ใช่ปัญหาของชุมชน  ทุกบ้านทุกครัวเรือนมีหน้าที่ในการกำจัดขยะที่เกิดขึ้นมา  เผาบ้างฝังบ้างแต่ไม่เคยมีปัญหา  แต่ปัจจุบันหน้าที่การกำจัดขยะกลายเป็นของเทศบาลหรือองค์กรปกครองท้องถิ่น  ดังนั้นคนทิ้งกับคนเก็บและกำจัดกลายเป็นคนละคนกับ  ปัญหาจึงเกิดขึ้นมากมาย คนปัจจุบันมีความเข้าใจว่า  หากเราทิ้งขยะให้ลงถังแล้ว  ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว  ซึ่งความจริงไม่ใช่  ขยะในถังนั้นยังส่งผลกระทบอีกมากมาย  ปัญหาขยะไม่ใช่ก่อให้เกิดปัญหาของสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น  แต่ยังทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ  ที่ต้องนำภาษีประชาชนมาใช้จัดการแล้วยังจัดการให้ดีได้ยาก  เกิดปัญหาสังคมคนจนตามกองขยะ  รวมทั้งปัญหาทางการเมืองจากปัญหาความขัดแย้งในการหาที่ทิ้งขยะ  เป็นต้น
เดี๋ยวนี้ถ้าเข้าไปในหมู่บ้าน  จะเห็นขยะกองกันเกลื่อนกลาด  บ่อยครั้งที่เป็นกองสูงใหญ่เป็นที่เพาะพันธุ์แมลงวัน  เป็นที่ขังน้ำฝนเพาะพันธุ์ยุง  ส่งกลิ่นเหม็นไปไกล  จึงไม่แปลกที่โรคอุจจาระร่วงยังเป็นโรคยอดฮิตของคนไทยเสมอ  และถูกตีตื้นมาด้วยโรคไข้เลือดออก พยาธิ  ปัญหาใหญ่ที่น่าปวดหัวเช่นนี้แก้ไม่ง่าย  เก็บให้ตายก็ไม่หมด  ถึงเก็บหมดก็เป็นปัญหาในการหาที่ฝังกลบและการกำจัด  การแยกขยะในบ้านเราก็ยังอีกไกล  แยกมาแล้วเทศบาลก็มาเทรวมกัน  จนไม่รู้ว่าจะแยกไปทำไม ดังนั้นหากกลับมาคิดใหม่ทำใหม่อย่างจริงจัง  เราจะพบว่า  ต้นตอของปัญหาขยะก็คือการที่ทุกคนเห็นว่าขยะนั้นไร้ค่า และมีหน้าที่ทิ้งให้ลงถัง  แล้วรอเทศบาลมาเก็บ  ดังนั้นหากจะแก้ปัญหาต้องทำให้ขยะนั้นมีค่าขึ้นมา  ทุกคนช่วยกันแยกช่วยกันเก็บ  เหลือส่วนน้อยเท่านั้นที่เอาไปไว้หน้าบ้านให้เทศบาลนำไปกำจัด  เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว  เรียกว่ามีวิสัยทัศน์ในการจัดการขยะแบบใหม่ที่ชัดเจนแล้ว
หลายชุมชนเริ่มด้วยการทำขยะให้มีค่า  โดยให้ชาวบ้านแยกขยะเป็นประเภทต่างๆ  กระดาษ  พลาสติก ขวดแก้ว  เศษโลหะ  เป็นต้น  แล้วเอาขยะที่รวบรวมได้มาแลกกับไข่ไก่  เป็นโครงการขยะแลกไข่  บางที่ก็ทำเป็นโครงการขยะแลกต้นไม้ก็มี  พอทำไปสักพักจะเกิดความตื่นตัวในชุมชนขึ้นมาโดยอัตโนมัติ  ไม่ต้องไปพูดให้สุขศึกษาในเหนื่อยยาก  ชาวบ้านจะเก็บของเหลือใช้ที่ในอดีตทิ้งลงถังขยะไปนานแล้ว  เก็บไว้ให้มีจำนวนมากพอ  เอาไปแลกไข่ไก่ทำเป็นกับข้าวมื้อเย็น  ขยะในบ้านนั้นบางครั้งน้อยเกินไป  ระหว่างที่เด็กนักเรียนเดินกลับบ้านเห็นขวดน้ำพลาสติกหรือกระป๋องน้ำอัดลมเขาก็จะเก็บเอาไปรวมกับของที่บ้านไปไว้แลกไข่  ชุมชนก็สะอาดขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา
ผลจากการเอาขยะมาแลกไข่  ทำให้จิตสำนึกในการกำจัดขยะที่ควรเป็นหน้าที่ของทุกคนนั้นกลับคืนมาสู่ชุมชนอีกครั้ง  บรรดาซาเล้งรับซื้อเศษวัสดุเหลือใช้ที่หายไปจากชุมชนก็กลับคืนมา  โดยไม่มีใครต้องไปตามให้กลับมา  เด็กๆในครอบครัวก็มีอาหารโปรตีนเพิ่มขึ้นด้วยจากไข่ไก่ที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อหา    รอยยิ้มและความสุขในชุมชนดูงดงามกว่าเดิมมาก
สุขภาพนั้นไม่ใช่เพียงโรคภัยไข้เจ็บ  แต่รวมถึงสังคมที่ดี  ที่ต้องร่วมกันสร้างสรรค์พัฒนา  กรณีการกำจัดขยะเช่นนี้  หลายเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบลน่าจะได้ลองเริ่มต้น  สร้างท้องถิ่นบ้านเราให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่ไร้ขยะ  วาระ 4 ปีนั้นมากพอครับ  หากลงมืออย่างจริงจังตั้งแต่วันนั้น