นายกเล็งสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ “กิจการเพื่อสังคม”
นายกเล็งสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ “กิจการเพื่อสังคม”
วันที่ 14 มกราคม 2553 13:42:13
เมื่อ วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคม และได้จัดให้มีการประชุมครั้งแรกขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงวัตถุประสงค์การแต่งตั้งคณะกรรมการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมว่า รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยการน้อมนำเอา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยเฉพาะในขั้นที่ 2 และ 3 ที่เน้นการร่วมมือเอื้อเฝื้อต่อกันและกันไม่เบียดเบียนกันระหว่าง กิจการต่างๆ และการขยายผลอย่างกว้างขวางนั้นมาเป็นฐานในการสร้างระบบเศรษฐกิจ ใหม่อย่างเป็นรูปธรรมที่เรียกว่ากิจการเพื่อสังคม ซึ่งเป็นธุรกิจหรือวิสาหกิจลักษณะพิเศษที่ตั้งขึ้นเพื่อแก้ไข ปัญหาสังคม สุขภาวะ และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆกับการสร้างรายได้อย่างยั่งยืนเพื่อความ ก้าวหน้าของประเทศชาติ อาจจะเรียกว่าเป็นระบบเศรษฐกิจพอเพียงขั้นก้าวหน้าอันจะนำไปสู่ การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และสังคมที่มีความเท่าเทียม ยุติธรรม และมีปัญญามากขึ้น
กิจการเพื่อสังคมนั้นมีอยู่ในหลากหลายด้าน เช่น กิจการด้านพลังงานทดแทนในระดับท้องถิ่น การท่องเที่ยวที่จัดการโดยชุมชน กิจการให้สินเชื่อขนาดเล็กสำหรับคนยากจน (micro-credit) การเกษตรยั่งยืน การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนยากจน การนำสินค้าทางวัฒนธรรมของชาวบ้านมาทำการตลาดการ เช่น โครงการดอยตุง การใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเพื่อแก้ปัญหา สังคม การสร้างงานให้กับผู้พิการ สร้างสื่อสร้างสรรค์ ซึ่งลักษณะของกิจการเพื่อสังคมเหล่านี้กำลังเป็น กระแสไปทั่วโลก เห็นได้จากในยุโรปโดยเฉพาะรัฐบาลอังกฤษได้ให้ความสนใจในการเข้าไป พัฒนากิจการเพื่อสังคมของประเทศตนเองจนเกิดกิจการเพื่อสังคม กว่า 55,000 แห่ง จนปรากฎผลว่า กิจการเพื่อสังคมสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศถึง 8,000 ล้านปอนด์ต่อปีและยังสร้างผลเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ซึ่งรัฐบาลอังกฤษโดย British Council จะเชื่อมประสานกับทั้งรัฐและเอกชนอังกฤษในการสนับสนุนการ สร้างกิจการเพื่อสังคมในประเทศไทย โดยจะสนับสนุนทั้งในเชิงความ รู้ เครื่องมือ และความช่วยเหลืออื่นๆ อีกด้วย นอกจากนี้ยังพบอีกว่า ขณะที่ประเทศเกิดภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจโลก ทำให้หลายบริษัทต้องปิดตัวลง มีผลกำไรลดลง แต่กิจการเพื่อสังคมยังสามารถเจริญเติบโตและคง สถานภาพได้ดีกว่าเพราะการดำเนินการกิจการเพื่อสังคมไม่ได้คำนึง ถึงแต่หรือตามกระแสเศรษฐกิจแต่อย่างเดียวจึงทำให้กิจการเพื่อ สังคมมีความยั่งยืนอย่างแท้จริง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลจึงเร่งการทำแผนแม่บทสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) เพราะเชื่อว่า การเจริญเติบโตของภาคกิจการเพื่อสังคม จะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เพื่อให้ประเทศไทยไม่ต้องประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจต่อไป
สำหรับยุทธศาสตร์ในการดำเนินการ งานของคณะกรรมการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมประกอบด้วย
3 ยุทธศาสตร์หลัก กล่าวคือ
การสร้างการรับรู้และการเรียนรู้ในสังคมไทย โดยผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือ การพัฒนาเนื้อหาประกอบการเรียนเข้าไปในระดับโรงเรียน มหาวิทยาลัย และสถาบันเฉพาะทางเพื่อให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลาง การลงทุนและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับภูมิภาค (Social Enterprise ASIA)
การพัฒนารูปแบบขีดความสามารถกิจการเพื่อสังคม ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนากฎหมายหรือกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ และการจัดตั้งเครือข่ายศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเพื่อให้คำปรึกษาแก่บริษัทที่ต้อง การเปลี่ยนธุรกิจตนเองให้ เป็นธุรกิจเพื่อสังคมหรือพัฒนาขีดความสามารถของธุรกิจเพื่อสังคมให้เจริญ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ
พัฒนาช่องทางเข้าถึงเงินทุนและทรัพยากรด้วยการจัดตัั้งกองทุน เพื่อระดมการสนับสนุนทรัพยากรอื่นๆ โดยสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนทั้งนี้จึงจะมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการทั้ง 3 ด้านเพื่อขับเคลื่อนงานตามยุทธศาสตร์ดังกล่าวต่อไป
ที่มา นายกรัฐมนตรีไทย
Relate topics
- 28 มกราคม 55 - เปิดตลาดนัดสุขภาพสายใยชุมชน
- ผลวิจัยคุณภาพชีวิตรอบโรงงานเปรียบเทียบในจะนะ
- ชวนลูก จูงหลาน ขี่รถ แลเขาคูหา
- ชวนชาวสงขลาร่วมช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยคาบสมุทรสทิงพระ
- สมัชชาสุขภาพกับการพัฒนาประเทศ
- ห้องเรียนท้องนาจะเปิดเรียนแล้วนะ
- 19 ส.ค. 53 13.30-15.30 น. ถ่ายทอดสดคลินิกทางไกล จากศูนย์เรียนรู้ สจรส. มอ.
- ขอเชิญร่วมโครงการเดินเพื่อสันติปัตตานี
- รางวัลสนับสนุนชุมฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่า
- รวมน้ำใจเพื่อช่วยสร้างอาคารใหม่ "มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” เหยื่อป่วนเผาเมือง