สงขลาพอเพียง : เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพจังหวัดสงขลา - Songkhla Health

หนุนเสริมภาคี ประสานความร่วมมือ

สธ.เผยคนไทย 35 ปีขึ้น ป่วยเบาหวาน-ความดันฯ เกือบ 7 แสน - กลุ่มเสี่ยงเฉียด 4 ล้าน

by kai @15 ธ.ค. 52 09:42 ( IP : 114...217 ) | Tags : ข่าวสุขภาพประจำวัน

สธ.เผยคนไทย 35 ปีขึ้น ป่วยเบาหวาน-ความดันฯ เกือบ 7 แสน - กลุ่มเสี่ยงเฉียด 4 ล้าน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 ธันวาคม 2552 17:21 น.

      สาธารณสุขสรุปผล การตรวจรณรงค์ตรวจหาโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงในประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป จำนวน 21 ล้านกว่าคน เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 5 ธันวาคม 2552 พบผู้ป่วยรายใหม่ 2 โรค กว่า 1 ล้านคน เสี่ยงป่วยอีกกว่า 4 ล้านคน ป่วยเป็นทั้ง 2 โรคในคนเดียวกันรวมเกือบ 7 แสนคน

        นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุข ดำเนิน“โครงการสนองน้ำพระทัยในหลวง ห่วงใยสุขภาพประชาชน” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา ระยะที่ 1 ตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม 2552 โดยจัดกิจกรรมให้บริการตรวจคัดกรองเบาหวานและความดันโลหิตสูง ในกลุ่มเป้าหมายอายุ 35 ปีขึ้นไปจำนวน 23,069,352 คน ทั่วประเทศยกเว้นกรุงเทพมหานคร โดยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขร่วมกับ อาสาสมัครสาธารณสุขดำเนินการ
      ผล การดำเนินงานตรวจเบาหวาน ได้ตรวจทั้งหมด 21,033,730 คน พบปกติ ร้อยละ 84 น้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นเบาหวาน 1.8 ล้านคน คิดเป็น ร้อยละ 9 เป็นผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ 356,961 คน คิดเป็นร้อยละ2 จากผู้ตรวจทั้งหมด เป็นผู้ป่วยเบาหวานรายเก่า 1,148,758 คน หรือร้อยละ 5 ในจำนวนนี้มีโรคแทรกซ้อนทั้งหมด 108,782 คน คิดเป็นร้อยละ 9 ของผู้ป่วย ที่พบมากที่สุดอันดับ 1 ได้แก่ โรคแทรกซ้อนทางตา ร้อยละ 38 รองลงมาคือเท้า ร้อยละ 31 ไตร้อยละ 22
      ส่วนโรคความดันโลหิตสูง ได้ตรวจทั้งหมด 21,048,568 คน ปกติร้อยละ 77 เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 658,547 คน คิดเป็นร้อยละ 3 ของผู้ที่ตรวจทั้งหมด เป็นผู้ป่วยรายเก่า 1,636,826 คน ในจำนวนนี้มีโรคแทรกซ้อน 97,020 คน มากที่สุดคือหัวใจ รองลงมาคือแทรกซ้อนทางสมอง ไตและตา และยังพบผู้ที่มีความดันโลหิตสูงกว่าปกติเสี่ยงป่วยอีกร้อยละ 12 หรือจำนวน 2.4 ล้านกว่าคน
      ทั้งนี้ พบว่ามีผู้ที่ป่วยทั้งเบาหวานและความดันโลหิตสูง 2 โรค จำนวน 686,768 คน ในจำนวนนี้พบว่าดูแลตัวเองดี ไม่มีโรคแทรกซ้อนร้อยละ 82 ที่เหลือร้อยละ 18 มีโรคแทรกซ้อน มากที่สุด ได้แก่ ไตวาย ร้อยละ 42 รองลงมาคือหัวใจร้อยละ 30 ตาร้อยละ 28 สมองร้อยละ 13 และอื่นๆ ร้อยละ 13
      นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขจะได้นำผลการคัดกรองครั้งนี้ไปดำเนินงานรณรงค์ให้ความรู้ ป้องกันการป่วยในกลุ่มที่ปกติ กลุ่มเสี่ยง ส่วนกลุ่มที่ป่วยแล้วและมีภาวะแทรกซ้อน จะส่งให้สถานบริการสาธารณสุขในพื้นที่ให้การรับการดูแลอย่างต่อเนื่อง ป้องกันให้โรคกำเริบหรือภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
      สำหรับโครงการรวมพลังค้นหาและตรวจประเมินความพิการทุกครัวเรือนให้ เข้าถึงสวัสดิการของรัฐอย่างทั่วถึง ทั่วประเทศยกเว้นกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน - 30 พฤศจิกายน 2552 พบผู้มีความพิการชัดเจนและสงสัยพิการต้องตรวจพิเศษเพิ่ม รวม 639,665 คน ในจำนวนนี้ยังไม่มีบัตรประจำตัว 123,035 คน

Relate topics

Comment #1โรคเบาหวานและพวก
Posted @27 ธ.ค. 53 01:14 ip : 113...204

เบาหวาน  เกิดจากภาวะของน้ำตาลในกระแสโลหิตมีมาก  น้ำตาลในกระแสโลหิตนั้นมีทุกคน แต่ต้พวกผักและผลไม้องมีปริมาณที่เหมาะสมไม่มากหรือน้อยเกินไป  คนเรารับประทานอาหารซึ่งประกอบด้วยพวกแป้งและน้ำตาล พวกเนื้อสัตว์และถั่ว ผักและผลไม้  พวกไขมันจากสัตว์และพืช  อาหารพวกแป้งและน้ำตาลนั้นร่างกายย่อยแล้วก็จะ เก็บไว้ในรูปของน้ำตาลกลูโคสตับอ่อนจะผลิคฮอร์โมนที่เรียกว่า"อินซูลิน"มาเป็นตัวควบคุมน้ำตาลในกระแสโลหิตไว้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมหากการผลิต"อินซูลิน"บกพร่องก็จะเกิดภาวะน้ำตาลในกระแสโลหิตมากเกินเกณฑ์ ก็จะเป็นโรคเบาหวานแต่ถ้าร่างกายผลิต"อินซูลิน"มากเกินไปทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสโลหิตมีน้อยกว่าเกณฑ์ก็จะเป็น"เบาจืด" ซึ่งจะมีอันตรายพอๆกับโรคเบาหวานเหมือนกัน

          ในปัจจุบัน โรคเบาหวานเป็นโรคหนึ่งที่สร้างความทุกข์ทรมานกับคนไทยมาก  เพราะจำนวนผู้ป่วยเบาหวานมีเพิ่มขึ้นผู้ป่วยเบาหวานมีตั้งแต่อายุที่อยู่ในวัยเด็กซึ่งสมัยก่อน ไม่พบเลย  สาเหตุที่เด็กเป็นเบาหวานเกิดจากการกินอาหารที่ไม่ถูกต้อง เช่นกินอาหารฟ้าดฟู้ด ดื่มน้ำอัดลมมาก ฯลฯ  สัญญาณอันตรายที่จะเห็นได้ชัดเจนคือเด็กจะอ้วนขึ้นๆ มี น้ำหนักเกินเกณฑ์ ต่อมาก็จะเป็นโรคอ้วนและเป็นเบาหวานในที่สุด  เมื่อเป็นเบาหวานแล้ว พรรคพวกของโรคเบาหวานที่ตามมา ได้แก่ คอเลสเตอรอลสูง เส้นโลหิตตีบ ความดัน โลหิตสูง แผลเรื้อรัง ถ้าติดเชื้อก็ต้องตัดขา ตัดมือที่เป็นแผลเน่าทิ้ง ตาบอดเพราะน้ำตาลเข้าไปทำอันตรายกับดวงตา

          ถ้าท่านรู้ตัวว่าเป็นโรคเบาหวาน ให้ท่านไปพบแพทย์  รักษาตัวตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด  เปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง เช่น ควบคุมอาหาร ไม่รับประทานอาหารประเภท แป้งและน้ำคาลมากเกินไป  ออกกำลังกายทุกวันด้วยการเดินเร็ว หรือวิ่งจ๊อกกิ้ง ไปพบแพทย์ตามนัด  เลิกดื่มเหล้า เลิกสูบบุหรี่  พยายามไม่ให้เกิดบาดแผลในส่วนต่างๆ หากมี บาดแผลต้องรีบรักษาให้หาย อย่าให้แผลติดเชื้อ  สร้างสุขภาพกายและสุขภาพจิตให้ดี แล้วท่านจะมีชีวิตที่ปกติเหมือนคนทั่วไปที่ไม่เป็นเบาหวานได้ครับ

ขออภัย ขณะนี้เว็บไซท์ของดการสร้างหัวข้อใหม่และการแสดงความคิดเห็นไว้ชั่วคราว