การละเล่นพื้นบ้านจังหวัดสงขลา
การละเล่นพื้นบ้าน หมายถึง กิจกรรมการเล่นของสังคม เป็นกิจกรรมนันทนาการหนึ่งซึ่งได้รับการยอมรับร่วมกันในสังคม โดยมีรากฐานมาจากความเป็นจริงแห่งวิถีชีวิตของชุมชนที่มีการประพฤติปฏิบัติสืบทอดกันมาจากอดีตสู่ปัจจุบัน การละเล่นแสดงออกด้วยการเคลื่อนไหวกริยาอาการเป็นหลัก อาจมีดนตรี การขับร้องหรือการฟ้อนรำประกอบการเล่น มีจุดมุ่งหมาย เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินในโอกาสต่าง ๆ การละเล่นบางชนิดได้รับการถ่ายทอดสืบสานต่อกันมา และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนารูปแบบอย่างต่อเนื่องจนมีลักษณะเฉพาะถิ่นดังนี้การละเล่นพื้นบ้านจึงเป็นผลิตผลอันเกิดจากความคิดและจินตนาการของมนุษย์ ย่อมสะท้อนถึงโลกทัศน์ ภูมิธรรม และจิตวิญยาณของบรรพชนในท้องถิ่นที่ได้ถูกหล่อหลอมจนตกผลึกเป็นภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าและได้กลายเป็นมรดำวัฒนธรรมของท้องถิ่นและของประเทศชาติ
การละเล่นนับว่ามีความสัมพันธ์กับชีวิตมนุษย์มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป้นการละเล่นของเด็กและของผู้ใหญ่ล้วนแสดงออกถึงสภาพชีวิต ความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมประเพณีค่านิยมและความเชื่อของสังคมนั้น ๆ ทั้งยังก่อคุณค่าแก่ผู้เล่นและผู้เฝ้าดู ในด้านการผ่อนคลายอารมร์ ความเครียด เสริมสร้างพลังกายให้แข็งแรง ฝึกความคิด ความเข้าใจ การแก้ปัญหานอกจากนี้ยังก่อให้เกิดระเบียบวินัย เกิดดารยอมรับกฎเกณฑ์ของสังคม สรรค์สร้างความเป็นกับยาณมิตรขึ้นในชุมชน ทำให้สังคมเกิดความเข้มแข็งจนก่อเป็นความดีงามอันเป็นเป้าหมายสูงสุดแห่งชีวิต
การละเล่นของไทยไม่สามารถลำดับให้เห็นพัฒนาการตามกาลเวลาได้อย่างชัดเจนทั้งนี้เนื่องจากการละเล่นส่วนใหญ่เป็นกระบวนการถ่ายทอดด้วยการปฏิบัติ มิใช่ตำรา จึงขาดการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรที่จะใช้เป็นข้อมูลในการสร้างลำดับอายุสมัยของการละเล่นแต่ละอย่างได้ยิ่งไปกว่านั้น การละเล่นของไทยส่วนใหญ่มีลักษณะของการพัฒนตนเองและค่อยเป็นค่อยไปเพราะจดจำสืบต่อกันมาจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง (ร.อ.หญิงปรียา หิรัญประดิษฐ์ ๒๕๓๓ : ๑๕) และโดยเหตุที่การละเล่นเกิดขึ้นมายาวนานและปรากฎอยู่ทั่วไปในท้องถิ่นต่าง ๆ ดดยทั่วไป เช่นนี้ทำให้เกิดความหลากหลายของการละเล่นพื้สนบ้าน มีทั้งลักษณะร่วม และลักษณะที่แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น อย่างไรก็ดีสิ่งที่ตรงกันในทุกท้องถิ่นก็คือมีการละเล่นพื้นบ้านทั้งที่เป็นของเด็กและของผู้ใหญ่
ธรรมชาติของเด็กประการหนึ่งคือ การค้นหาความสนุกสนานีสอดแทรกด้วยความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นจึงแสดงพฤติกรรมในบทบาทต่าง ๆ ที่เรียกรวม ๆ ว่าการเล่น การเล่นของเด็กจึงเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งและได้รับการสืบทอดเลียนแบบต่อกันมา และบางอย่างที่ไม่ได้รับความนิยมก็เสื่อมสูญไปมาก การละเล่นของเด็กมีมากมายและหลายอย่างได้รับการส่งเสริมให้แพร่หลายอย่างกว้างขวางทั้งนี้เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็น ฝึกให้เด็กรู้จักใช้จนตนาการความคิดสร้างสรรค์ เสริมสร้างความสามารถและพัฒนาการทั้งทางร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม ทำให้ชีวิตสมบูร์ทั้งร่างกายและจิตใจ
ความเป็นมาของการละเล่นที่ปรากฎอยู่ในจังหวัดสงขลาไม่อาจหาข้อสรุปที่ชัดเจนลงไปได้ แต่คงมีมาตั้งแต่การเริ่มตั้งรกรากในท้องถิ่นนี้ มีหลักฐานหนึ่งที่ปรากฎในสมัยอยุธยา เช่น บทละครเรื่องมโนห์รา ซึ่งเป็นบทละครที่ชาวใต้รู้จักกันดีกล่าวถึงการละเล่นลิชิงหลัก ปลาลงอวน ในวรรณกรรมชาวบ้านเรื่องสินนุราช ฉบับวัดเชิงแลใต้ อำเภอระโนด กล่าวถึงการเล่น "เข้าลงอวน" และ"ชิงช่วง" เป็นต้น
การละเล่นเพื้นบ้านของเด็กแต่ละชุมชนมีลักษณะเฉพาะถิ่น สถาพแวดล้อมย่อมมีส่วนต่อการเล่นของเด็กและเป็นปัจจัยทำให้เกิดการสืบทอดและการเปลี่ยนแปลง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการ ละเล่นพื้นบ้านของเด็ก มีดังนี้
ในจังหวัดสงขลาประกอบด้วยพื้นที่ราบลุ่มน้ำและพื้นที่สูงภูเขาและป่าไม้ โดยเฉพาะในพื้นที่ราบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีอิทธิพลต่อการละเล่นของเด็ก เช่น การเล่นตามชายหาด พื้นที่เป็นดินและทราย เช่น การเล่นมวยทะเล ชนบอลทราย การเล่นในทะเล แม่น้ำลำคลอง เช่น การเล่น แถกเหลน ทุ่นคอน โฉ่งคอนฉ่าง ตีลูกโป่ง ส่วนการเล่นบนดิน ได้แก่ เตย เรือบิน เป็นต้น
จังหวัดสงขลา มี ๒ ฤดู คือ ฤดูฝน และฤดูร้อน จึงมีผลต่อการเล่นของเด็ก เช่น ฝนตกหน้าเด็กต้องเล่นในบ้าน เช่น เล่นหมากขุม เป่ากบ เมื่อน้ำมากก็มีการเล่นกันในน้ำ เช่น แข่งเรือ แตกเหลน พอเข้าฤดูร้อน มีลมพัด จึงหันไปเล่นว่าว
สถาพแวดล้อมทางธรรมชาติมีอิทธิพลในการเล่นของเด็กมาก เพราะทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นนำมาเป็นอุปกรณ์ประกอบกรเล่น หรือเป็นแบบของบทบาทสมมุติ เช่น ที่บ้านสทิงหม้อ อำเภอสทิงพระ เป็นแหล่งทำเครื่องปั้นดินเผา ผู้ใหญ่จะปั้นภาชนะเล็ก ๆ เลียนแบบของจริงให้เด็กเล่น เช่น ข้าวทอยเลียง หรือเล่นชนวัวดิน กลองดิน หรือท้องถิ่นใดมีหญ้าคาก็นำมาเล่นตีไก่
การเล่นที่เป็นบทบาทสมมุติ เช่น อำเภอหาดใหญ่ รัตภูมิ เทพา นาทวี มีห้วยหนอง คลอง บึง เด็กจะเล่นเข้ (จระเข้) เก็บผักบุ้ง ทึงเฝ้าไข่ หรือท้องที่อำเภอระโนดในฤดูแล้งเคยมีเสือเดินข้ามไปมา จึงมีการเล่นเสือข้ามห้วย เป็นต้น
สภาพแวดล้อมทางสังคมย่อมเป็นปัจจัยทำให้เกิดการเล่นหลายชนิด ชุมชนแต่ละแห่งจะมีวิถึชีวิตต่างกัน การเล่นของเด็กก็มีหลากหลาย ดังเช่น
ในพื้นที่ที่มีอาชีพทำสวนยาง เด็ก ๆ ก็จะเล่นของเล่นที่ได้มาจากลูกยางพารา เช่น ลูกอม หมากขุม ลูกบอลจากขี้ยาง พื้นที่เป็นสวนมะพร้าวก็จะเล่นซัดพรก เรือกาบมาพร้าว เส่วนที่ใดปลูกตาลมาก เช่น อำเภอสทิงพระ กระแสสินธ์ ระโนด เด็ก ๆ ก็จะเล่นทอยตาล ลูกหัน บริเวรที่มีประชาชนประกอบอาชีพทำนา เด็ก ๆ มักจะเล่นปี่ซัง ชุมชนที่ทำเครื่องปั้นดินเผา เด็กจะเล่นลูกตั้ง หรือ ลูกนู หรือการที่สงขลาเป็นเมืองค้าขายเป็นแบบให้เด็กเล่น ไก่ขึ้นร้าน ขายมันเทศ
การละเล่นพื้นบ้านของเด็กมีกำเนิดอย่างไร ยังเป็นเรื่องที่ไม่อาจหาคำตอบได้อย่างแจ่มชัด เนื่องจากในการละเล่นแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นและเล่นสืบต่อกันมา ไม่มีการกล่าวถึงที่มาหรือผู้ค้นคิดแต่อย่างไร สืบทอดเฉพาะวิธีการเล่นเท่านั้น จึงไม่อาจกำหนดลงไปได้ว่าการละเล่นชนิดใดเป็นของจังหวัดสงขลาอย่างแท้จริง ทราบได้เพียงว่า การละเล่นชนิดไหนบ้างที่เคยมีการเล่นกันและยังนิยมเล่นกันอยู่ หรืออาจคาดคะเนเอาจากบริบททางสังคมและสิ่งแวดล้อมประจำถิ่นที่ทำให้อนุมานเอาว่าการเล่นชนิดนั้น ชนิดนี้ น่าจะมีกำเนิดขึ้นที่สงขลาเท่านั้น การละเล่นพื้นบ้านของเด็กสงขลาเท่าที่ตรวจสอบได้ แบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้
เป็นการเล่นเริ่มแรกของทุกกิจกรรมเพื่อเสี่ยงทายหาผู้เล่นก่อน-หลัง หรือหาผู้ทำหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งเช่น ผู้เป็น- ผู้ตาย ผู้รับ-ผู้ปา ผู้ซ่อน-ผู้หา การเสี่ยงทายมีหมายวิธี
เล่นกันเป็นหมู่ มีผู้เล่น ๒ ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้หนีหรือซ่อนหรือเล่นเป็นคนเป็น ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ไล่จับ หรือค้นหา หรือเล่นเป็นคนตาย มีหลายชนิด เช่น ผีเข้าขวด เก็บผักบุ้ง ยายจ๋า เข้ ตี่ บ่าวขอนาย เสือกินวัว
เป็นการละเล่นกันในแม่น้ำ ลำคลอง หรือทะเล เช่น ดำน้ำ แถกเหลน ตีลูกโป่ง ทุ่น ปลาลงแล ลอยตัว เรือกระดอง ปลาหมึก ค่อนโฉ้งค่อนฉ้าง
เป็นการเล่นพื้นบ้านที่ต้องใช้ทักษะความแม่นยำโดยต้องใช้อุปกรณ์ประกอบการเล่น การละเล่นประเภทนี้มีมากมาย เช่น ไก่ขึ้นร้าน ขี่ม้าโยนรับ ซัดพรก ไม้อี้ ซัดหัวครก อีเติ้งฟัดราว
อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการเล่น เปนวัสดุที่พบได้ในท้องถิ่น เช่น ลูกยางร่วง หรือ หัวครก (เม็ดมะม่วงหิมพานต์) ไม้ไผ่ ด้นเหนียวปั้นเป้นรูปกลมเล็ก ๆ ตะกร้อที่สานจากใบมะพร้าว ผ้าขาวมัดเป็นก้อนกลม ตะเกียบ ไม้ไผ่ผ่าซึก ลูสวาด เมล็ดมะขาม เมล็ดยางพารา
มีหลายลักษณะได้แก่ การเล่นล้อที่ทำจากไม้กระป๋อง ล้อรถ เหรียญ ลูกบอลดิน มีการละเล่นมากมาย เช่น ล้อเส้น ชนลูกบอลทรย ตึลูกล้อยางรถ ทอยเหรียญ ทอยตรอก ทอยขิด ทอยบอล ทอยเส้น ล้อตก ล้อบก ล้อแส้
เป็นการละเล่นของเด็กโดยมีการตั้งชื่อและกำหนดกิจกรรมเลียนแบบสัตว์ต่าง ๆ เช่น ปูขาแก ชนไก่ ชนวัวดิน ปลาวิ่งป้อง ตีไก่ ตีกบ หมาขาเดียว เชื้อช้าง เชื้อนางแมว เสือกินวัว
คือ การละเล่นของเด็กที่ต้องการขีดเส้นตารางลงบนพื้นโดยมีรูปแบบของเส้นหลายแบบ แต่ละแบบจะกำหนดวิธีการเล่นบนเส้นนั้นแตกต่างกันออกไป เช่น เรือบิน เตย หยอแขก ห่วงยาง ลูกฉุด
ยางที่ใช้เป็นยางวงหรือยางเส้น ด้วยวิธีการยิง แย่งชิง และการเป่า เช่น การเล่นยิงราว ยิงวง เป่ากบ ชิงยางในน้ำ
เป็นการเล่นแข่งขันด้วยวิธีการต่อสู้ โดยผู้เล่นต่อสู้เอง หรือใช้อุปกรณ์ในการต่อสู้ เช่น มวยทะเล ตำไก่ด้วยหญ้า ไก่ชน หลอดดูดน้ำ ชนไก่ วัวดินชน หรือการใช้อุปกรณ์ในการต่อสู้ เช่น ฉับโผง หนังสติ๊ก
เช่น การตีใบไม้ การเป่าใบไม้ การเล่นลูกหัน
เป็นการละเล่นของเด็กเพื่อหระบองสติปัญยาระหว่างบุคคลโดยมีกติกาเคร่งครัด ทุกคนจึงต้องปฏิบัติตามกติกา ดังนั้นจึงเป็นการเสริมสร้างความเครพกฎเกณฑ์ของสังคมไปด้วย การเล่นกีฬามีทั้งเล่นเป็นทีมและเล่นระหว่างบุคคลและมีทั้งกีฬากลางแจ้ง และกีฬาในร่ม ลักษณะโดดเด่นคือ การเล่นกีฬาของเด็กเป็นการแสดงออกให้เห็นถึงสภาพสังคมและภูมิปัญญาท้องถิ่นได้ การเล่นก๊ฬาพื้นบ้านมีหลายชนิด เช่น หมากขุม ว่าว สะบ้า ราวเด้อ ลูกไสว บูสุ ไม้อี้ เป็นต้น
ปัจจุบันการละเล่นของเด็กเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคม จึงมีผลต่อวัฒนธรรมพื้นบ้าน โดยเฉพาะวัฒนธรรมที่เกิดกับเด็กซึ่งเป็นวัยที่ง่ายต่อการปรับเปลี่ยนการเล่นบางชนิดสูญหายไป เช่น กลองดิน ปี่ซัง หรือบางอย่างเล่นกันน้อยลง เช่น ซัดพรก ตะกร้อจากใบมะพร้าว ทั้งนี้เพราะมีปัจจัยต่าง ๆ ทำให้การเล่นของเด็กคลี่คลายไป กล่าวคือ
๑. การศึกาาที่มุ่งให้ทุกคนในประเทศมีเอกภาพยึดบรรทัดฐานจากส่วนกลางโดยไม่ให้ความสำคัยกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งแฝงภูมิปัญญาและสร้างความเข็มแข็งแก่ชุมชน
๒. การพัฒนาด้านต่าง ๆ ทั้งการสื่อสาร การคมนาคม การสร้างสิ่งสาธารณูปโภคทำความเจริญมาสู่ชุมชนและทำให้สังคมเกษตรกรรมเปลี่ยนเป็นสังคมอุตสาหกรรม ระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงย่อมมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเล่นของเด็ก
๓. ความเจริญทางเทคโนโลยี เกิดเครื่องจักรกล เครื่องอิเลิกทรอนิกส์เกิดสิ่งบันเทิงและของเล่นใหม่ เช่น โทรทัศน์ ภาพยนตร์ เกมส์คอมพิวเตอร์ ทำให้การเล่นและของเล่นพื้นบ้านหมดความสำคัญ และถูกมองว่าเป็นของล้าสมัย
การละเล่นพื้นบ้านของผู้ใหญ่เป็นกิจกรรมที่มีปรากฎอยู่มากมายในจังหวัดสงขลาลักษณะการละเล่นมีจุดมุ่งหมายเดียวกับการละเล่นของเด็กคือ เพื่อผ่อนคลายความเคลียดหรือความเหน็ดเหนื่อยจากการงาน เนื่องจากการละเล่นทุกชนิดได้สอดแทรกคุณค่าไว้จนนับว่าการละเล่นเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ช่วยสร้างปทัสฐานในการดำเนินชีวิต ข้อสำคัยคื การละเล่นพื้นบ้านเป็นสภาพสะท้อนวิถิชีวิตของชุมชนต่าง ๆ ซึ่งกำลังเริ่มเสื่อมคลายลงด้วยถูกกระแสคลื่นของสังคมยุคใหม่ ทำให้การละเล่นพื้นบ้านหมดคุณค่าและประชาชนพากันละเลย หรือมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนารูปแบบไปโดยละทิ้งความเป็นลักษณะเแพาะของท้องถิ่นอย่างน่าเสียดายทั้งนี้เพื่อมุ่งยกระดับให้สู่ความทันสมัย เมื่อลักษณะเแพาะถิ่นอ่อนลงการผนึกกำลังให้ชุมชนเกิดความหวงแหนในท้องถิ่นจึงทำได้ยาก สมควรจะหาทางร่วมมือจากทุก ๆ ฝ่ายในการจรรโลงความเป็นเอกลักษณ์เพื่อความแข็งแกร่งของท้องถิ่น
ความต้องการความสนุกสนานรื่นเริง อันเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของชีวิตมนุษย์หลังจากที่เสร็จจากภารกิจการงาน ชาวบ้านต่างมาร่วมพบปะสังสรรค์และร่วมทำกิจกรรมเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดเกิดเป็นบันเทิงศิลป์ขึ้น โดยมากมักเป็นการนำสภาพชีวิตจริงมาปรุงแต่งเรียงร้อย ขึ้น กิจกรรมดังกล่าวอาจจัดขึ้นเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว เช่น การตีโพนการทำบทโนรา เพลงร้องเรือ หรือบางกิจกรรมมีการแข่งขันกันตามกฎเกณฑ์ เช่น ชนไก่ ชนวัว เป็นต้น
สภาพภฺมิประเทอยู่ติดชายฝั่งทะเล เป็นเมืองท่าสุนย์กลางการค้าขายระหว่างประเทศจึงเกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ทำให้การละเล่นพื้นบ้านผ่านเข้ามาทางภาคใต้และเข้าสูจังหวัดสงขลา โดยเฉพาะการละเล่นที่มากับวัฒนธรรมอินเดียโดยบางส่วนผ่านมาทางเขมรและอินโดนีเชียก่อนเข้าสู่ภาคใต้เกิด การพัฒนาเปลี่ยนแปลงปรับปรุงให้เหมาะกับบุคลิกของความเป็นไทยภาคใต้จนมีลักษณะเฉพาะ การละเล่นที่มาจากอิทธิพลภายนอก ได้แก่ โนรา หนังตลุง สิละ โต๊ะครึม
ความเชื่อในเรื่องอำนาจเร้นลับเหนือธรรมชาติ เช่น ตายาย (วิญญาณของบรรพบุรุษ) ภูตผีปีศาจ เทวดา ฯลฯ โดยการจัดกิจกรรมเพื่อเป็นสื่อในการติดต่อระหว่างมนุษย์กับอำนาจเร้นลับเหล่านสั้น การละเล่นพื้นบ้านจึงมีบทบาทในการเป็นสื่อ มีการเข้าทรง เช่นไหว้ บวงสรวง เพื่อให้บังเกิดผลถึงพอใจด้วยเชื่อว่าจะทำให้เกิดความสงบสุข เช่น โนรา โรงครู กาหลอ
ความศรัทธาในพุทธศาสนา ด้วยประชาชนส่วนใหญ่ในจังหวัดสงขลานับถือศาสนาพุทธ มีการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความศรัทธาให้พุทธศาสนิกชนมุ่งประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งดีงาม การละเล่นพื้นบ้านเป็นกิจกรรมรูปแบบ หนึ่งในการเชื่อมดายงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับพุทธศาสนา เช่น เพลงเรือ เพลงแห่นาค ลิเกมหาชาติทรงเครื่อง
การละเล่นพื้นบ้านของผู้ใหญ่ในจังหวัดสงขลา มีลักษณะโดดเด่นไปจากการละเล่นพื้นบ้านของที่อื่น ๆ กล่าวคือ มีการผสมผสานอย่างกลมกลืนระหว่างการละเล่นของชาวสงขลาที่เป็นพุทธศาสนิกชนกับอิสลามิกชน (มุสลิม) จึงเป้นเหตุให้เกิดการประสานสัมพันธ์กันขึ้นในชุมชนด้วยการละเล่นของชาวสงขลาทั้งสองศาสนานี้ ประชาชนทั่วไปนิยมดูและสามารุเล่นได้ทั้งสองฝ่าย เช่น สิละ โนรา กาหลอ การละเล่นบางอย่างสามารถเล่นแข่งขันร่วมกันได้ เช่น แข่งนกเขา แข่งวัวชน หนังตะลุง ฯลฯ การละเล่นพื้นบ้านจึงมีบทบาทต่อการสร้างวัฒนธรรมชุมชนในด้านความสามนฉันท์
การละเล่นพื้นบ้านของจังหวัดสงขลา แบ่งได้เป็น ๔ ประเภทคือ กีฬา กีฬาพื้นบ้าน ดนตรีพื้นบ้าน เพลงพื้นบ้าน และการแสดงพื้นบ้าน มีสาระน่าสนใจ ดังนี้
เป็นกิจกรรมหนึ่งของชุมชนที่เกิดขึ้นจากความต้องการพักผ่อนหย่อนใจและการหาโอกาสพลปะสังสรรค์ เพื่อสร้างความสามัคคีขึ้นในกลุ่มชน นับเป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างสังคมให้มีระบบระเบียบ ทั้งนี้เพราะการกีฬาเป็นการละเล่นเพื่อประลองความสามารถพิสูจน์ผลเป้นแพ้ชนะ เสมอกัน จึงเป็นการฝึกให้ผู้เล่นมีน้ำใจกีฬา
การแข่งขันต้องอาศัยการรวมพัลังจากคู่ต่อสู้ทั้งสอง ฝ่ายจัดขึ้นมานิยมใชัสัตว์แข่งขัน เช่น การแข่งนก การแข่งชนวัว ชนไก่
การแข่งขันเกิดในโอกาสเฉพาะต่าง ๆ เช่น เทศกาลเดือนสิบ มีการแข่งขันซัดต้ม แข่งโพน เทศกาลทำบุญของวัดแหลมทรายนิยมแข่งมวยทะเล เทสกาลฤดูร้อนนิยมแข่งว่าวที่แหลมสมิหลา การแข่งขันการแสดงพื้นบ้าน เช่น สิละ หนังตะลุง โนรา
การแข่งขัน การประกอวดเป็นไปเพื่อความสนุกสนานและฝึกสติปัญญา เช่น หมากขุม กีฬาพื้นบ้านแม้ว่าจะช่วยให้ชาวบ้านเกิดความรักเกื้อกูลกัน แต่ก็อาจมีเรื่องของการพนันเข้ามาสอดแทรกได้ ฉะนั้นจึงเป็นวิจารณญาณที่ประชาชนจะต้องรู้จักไตร่ตรองในการเล่นกีฬาแต่ละชนิด
ปัจจุบันกีฬาพื้นบ้านเริ่มเสื่อมสลาย เนื่องมาจากการพัฒนาท้องถิ่นแต่ละแห่งส่งผลใก้การดำรงชีวิตของชุมชนเปลี่ยนแปลงไป กีฬาพื้นบ้านบางชนิดหมดควมนิยมลง สังคมกลับนิยมยกย่องกีฬานะวันตก ทำให้กีฬาพื้นบ้านเสื้อมสูญลงไป เช่น ซัดต้ม มวยทะเล
กีฬาพื้นบ้านของจังหวัดสงขลาทีนิยมแพร่หลายคือ การเล่นไก่ชน แข่งนกเขา ว่าว สะบ้า หมากขุม
จังหวัดสงขลาได้รับอิทธิพล ทางวัฒนธรรมจากประเทศอินเดียมีการับเอาศาสนาพราหมณ์และพุทธศาสนา ทำให้เกิดการถ่ายโยงวัฒนธรรมทางดนตรีดังนั้นการบรรเลงวงดนตรีในจังหวัดสงขลาจึงเน้นที่จังหวะหน้าทับมากกว่า ทำนองของเพลงปี่และรูปแบบของการใช้ดนตรีเป็นเครื่องบรรเลงประโคมประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิต เช่น การตาย หรือการเรียกประชุมสังสรรค์ชาวบ้าน
ความสัมพันธ์กับประเทศใกล้เคียง เช่น ชวา มลายู ก็มีผลต่อวัฒนธรรมดนตรีเช่นกัน ศาสนาอิสลามมีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนส่งผลถึงรูปแบบของดนตรีที่มีลักษณะผสมผสานของวัฒนธรรมอิสลาม เช่น ปีฮ้อ
ลักษณะดนตรีของสงขลาจีงเกิดจากการยอมรับเอาดนตรีของกลุ่มชนหลายกลุ่มเข้ามาผสมผสานแล้วมีการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตนขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง ดนตรีพท้นบ้านสงขลามีบทบาทต่อวิถีชีวิตของประชาชน กล่าวคือ
๑. ประชาชนมีความเชื่อว่า ดนตรีเป็นสื่อในการติดต่อกับอำนาจเร้นลับได้ ดังนั้น จึงใช้ดนตรีบรรเลงประกอบพิธีกรรมทางไสยศาสตร์เช่น
- วงโนรา บรรเลงประกอบพิธีกรรมโนราโรงครูเพื่อเชิญครูตายายมาเข้าทรง
- กาหลอ บรรเลงในงานศพเพื่อเป็นสื่อส่งวิญญาณของผู้ตายให้ไปสู่สวรรค์
- โต๊ะครึม บบรเลงประกอบเพื่อเชิญครู ตายาย มาเข้าทรง
๒. ดนตรีเป็นเครื่องนันทนาการของประชาชนจึงจัดเป้นมหรสพให้ความบันเทิง ลักษณะที่สำคัญคือดนตรีจะใช้บรรเลงประกอบการแสดงพื้นบ้านมากกว่าจะเป็นการบรรเลงเดี่ยวเพื่อการฟังอย่างเพลิดเพลิน เช่น ประกอบการแสดงโนรา หนังตะลุง สิละ เป็นต้น
ดนตรีเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีในกลุ่มชน โดยเมื่อชาวบ้านมีงานประเพณีชักพระ จะมีการตีโพน เพื่อเรียกร้องให้ชาวบ้านมาช่วยกันลากเรือ ชักพระและเป็นสัญญาณบอกให้ผู้ลากเรือพระทราบว่าต้องลากช้า หรือเร็วประชาชนจะร่วมแรงกายใจเพื่อช่วยกันลากเรือพระไปให้ถึงจะหมายปลายทาง
อาจจำแนกเครื่องดนตรีได้ตามโอกาสที่ใช้ ๒ ลักษณะคือ
คือการรวมเครื่องดนตรีชนิดต่าง ๆ เข้าเป็นวงเพื่อใช้ในการแสดงดังนี้
คือ เครื่องดนตรีที่บรรเลิงเพื่อประกอบการแสดงโนรา ได้แก่ ปี่กลาง ๑ เลา ทับ ๑ คู่ กลอง ๑ ลูก โหม่ง ๑ คู่ ฉิ่ง ซอด้วง ซออู้ แตระหรือแกระหรือซือแระ
คือ เครื่องดนตรีที่บรรเลงเพื่อประกอบการแล่นหนังตะลุง ได้แก่ ปี่กลาง ทับ ๑ คู่ กลองตุ๊ก ๑ ลูก โหม่ง ๑ คู่ ฉิ่ง ซอด้วง ซออู้
คือ เครื่องดนตรีที่บรรเลงเพื่อประกอบการแสดงสิละ ได้แก่ ปีฮ้อ กลองทน ๑ ลูก และฆ้องขนาดใหญ่ ๑ ลูก
คือ การใช้เครื่องดนตรีบรรเลงโดยตรง มีทั้งบรรเลงเดี่ยว ได้แก่ โพน และลักษณะประสมวง ได้แก่ กาหลอ โต๊ะครึม
เพลงพื้นบ้านใตจังหวัดสงขลามีลักษณะเด่นกว่าจังหวัดอื่น ๆ คือเป็นเพลงที่ใช้เฉพาะในจังหวัดเอง โดยเกิดจากกลวิธีในการรักษาประเพณีเทศกาลในท้องถิ่นคือ ประเพณีชักพระทำให้เกิดเพลงเรือ ประเพณีการบวชนาคทำให้เกิดเพลงแห่นาค นอกจากนี้ยังมีเพลงกล่อมเด็ก ซึ่งเป็นเพลงที่มีการร้องกันอยู่ทั่วไป
ประเพณีชักพระ เป็นประเพณีหนึ่งที่เกิดจากแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนอันเชิญพระพุทธรูปมาประดิษฐ์บนรถหรือในเรือ เพื่อนำมาสักการะบูชาในเทศกาลเดือนสิบท้องที่บางแห่งไม่มีทางรถจึงต้องอาศัยทางน้ำในการชักพระ ในจังหวัดสงขลามีการชักพระทางน้ำในบริเวณพื้นที่ที่ใกล้ทะเลสาบสงขลา คือ อำเภอหาดใหญ่ อำเภอรัตภูมิ อำเภอบางกล่ำและอำเภอเมืองสงขลา โดยท้องที่ต่าง ๆ จะมีการประดิษฐ์เรือชักพระกันขึ้น แล้วลากเรือพระมารวมกันที่บ้านแหลมโพธิ์ ตำบลคูเต่า อำเภอหาดใหญ่ คนทั่วๆ ไปจึงมักเรียกเพลงเรือในจังหวัดสงขลาว่าเพลงเรือแหลมโพธิ์
ผู้เล่นร้องได้ทั้งหญิงและชายแบ่งผู้เล่นเป็นฝ่ายแม่เพลงกับลูกเพลง แม่เพลงจะร้องกลอนนำให้ลูกคู่ร้องรับตามแม่เพลงโดยลูกคู่ต้องคอยกระทุ้ง กระแทกเสียงให้เกิดจังหวะสนุกสนาน ไม่เคร่งครัดการแต่งกาย ผู้ชายนุ่งกางเกง สวมเสื้อคอกลมแขนสั้น ผู้หญิงนุ่งผ้าซิ่นสวมเสื้อคอกลมแขนสั้น ทั้งชายและหญิงนิยมใช้ผ้าขาวม้าคาดเอว
การร้องไม่มีการโต้ตอบกัน
ไม่มีเครื่องดนตรีได ๆ ประกอบการเล่น
เริ่มเล่นเพลงไม่มีการไหว้ครู จะเริ่มเล่นเพลงเมื่อไรก็ได้
การเล่นเพลงต้องด้นกลอนสด และแต่งเพลงไว้ใช้ร้องกัน
เนื้อหาของเพลงมีทั้งการเกี้ยวพาราสี การชมความงามของเรือพระ การเสียดสีประชด ประชันสังคม
รูปแบบของกลอนไม่เคร่งครัด แต่งด้วยกลอน ๔
ขึ้นข้อต่อกล่าว ถึงสาวทุกวัน
แต่งตัวกวดขัน ในวันประชุม
ตุ้มหูพู่ห้อย สาวน้อยหนุ่มหนุ่ม
สองเต้าเต่งตุม เหมือนพุมมาลา
ถ้าได้พี่ชาย จะจูบซ้ายจูบขวา
สาวน้อยงามสรรพ ดับกายไว้ถ้า
ถึงวันออกษา (พรรษา) พี่จะพาเจ้าไป
การแสดงพื้นบ้านในจังหวัดสงขลามีลักษณะเหมือนการแสดงของจังหวัดต่าง ๆ ในภาคใต้ เนื่องจากการเป็นวัฒนธรรมร่วมกัน จึงไม่สามารแยกออกได้ว่าเป็นการแสดงเฉพาะถิ่นสงขลาได้แก่ สิละ ลิเกมหาชาติทรงเครื่อง ดนรา หนังตะลุง การแสดงทั้ง ๓ ชนิด มีกำเนิดมาช้านาน แม้ว่าจะไม่ได้เกิดในจังหวัดสงขลาก็เป็นการแสดงที่ชาวสงขลาจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ลักษณะเด่นที่ปรากฎในการแสดงพื้นบ้านของจังหวัดสงขลา คือ
๑. การแสดงที่มีอิทธิพลมาจาก ศาสนาพุทธกับศาสนาอิสลาม เช่น สิละเป็นการแสดงที่นิยมในหมู่ของมุสลิมสงขลา การแสดงลิเกมหาชาติทรงเครื่อง เป็นการแสดงเพื่อเป็นพุทธบูชาของพุทธศาสนิกชนสงขลา สำหรับหนังตะลุงเป็นการแสดงที่ได้รับความนิยมทั้งมุสลิมและพุทธศาสนิกชน มีตัวหนังตลกที่เป็นมุสลิมเช่น สะหม้อ เป็นคนสะกอม อำเภอเทพา ตัวหนังตลกที่เป็นชาวพุทธเช่น ขวัญเมือง เป็นคนอำเภอนาทวี
๒. การแสดงโดยการเล่าเรื่องมีการใช้ตัวหนังเป็นสื่อประกอบการแสดงแทนการเล่าเรื่องที่ไม่มีภาพปรากฎคือ การแสดงหนังตะลุง
๓. การแสดงจะมีเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับพิธีกรรมทางไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น โนราโรงครู มีการเข้าทรงตายายเพื่อแก้บน รักษาเสน เป็นต้น
สิละ หรือ สีละ เป็นศิลปะการต่อสู้อย่างหนึ่งของมุสลิมในสงขลา มุสลิมในประเทศไทยเรียกการเล่นเช่นนี้ว่า "ดีกา" หรือ "บือดีกา" เป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่า แต่เน้นลีลาการเคลื่อนไหวอย่างสง่างามสิละดั้งเดิมจัดเป็นกีฬาพื้นบ้านชนิดหนึ่งในปัจจุบันนิยมดูเป็นมหรสพ
โนรา มีกำเนิดมาช้านานได้รับการสืบทอดต่อ ๆ กันมาด้วยความรู้สึกของชาวบ้านว่าเป็นการบันเทิงที่ผูกพันกับชีวิตความเป็นอยู่ทั้งยังมีความรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นเจ้เาของศิลปะวัมนธรรมดั้งเดิมที่เพียบพร้อมด้วย ความงดงามแฝงความสง่าสอดแทรกความตลกสนุกสนาน ชาวภาคใต้ส่วนมากจะรู้จักการแสดงโนราโดยเฉพาะจังหวัดตรัง นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง โนราจึงเป็นศิลปะร่วมของชาวภาคใต้ซึ่งจังหวัดสงขลามีลักษณะต่างๆ ที่บ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์
การแสดงลิเกเป็นมหรสพที่มีแสดงอยู่ทั่วทุกภาคในประเทศไทย เนื่องจากมีวิธีการแสดงที่สนุกสนานมีการปรับเรื่องราวให้ทันสมัยและมีการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ที่งดงามหรูหราจึงเป็นที่นิยมของประชาชน การแสดงลิเกได้เข้ามาทีบทบาทต่อการเปลี่ยนแปลงการละเล่นพื้นบ้านไนจังหวัดสงขลา จนก่อให้เกิดการแสดงที่ประยุกต์ขึ้นมาจากลิเก คือ ลิเกมหาชาติทรงเครื่อง
Relate topics
- จังหวัดสงขลาได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดสัมมนาครูภูมิปัญญาไทย 4 ภาค ครั้งที่ 4
- สธ.หนุน 'จิตอาสาหมอพื้นบ้าน-สมุนไพร' ร่วมดูแลสุขภาพชาวบ้าน
- โพลพบคนไทยกตัญญูสูงแต่จิตอาสา-มีน้ำใจต่ำ
- ไทยเฮ ! รักษา"ฤาษีดัดตน" ไว้ได้ หลังศาลสั่งให้เป็นภูมิปัญญาไทย
- ขอเชิญร่วมงาน สัปดาห์ศิลปะวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยหาดใหญ่
- ผลวิจัยเครื่องดื่มสมุนไพรไทย 30ชนิด ชะลอความแก่ได้
- ประกวดภาพถ่ายโบราณและประกวดก่อเจดีย์ทราย เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา
- รายงานพัฒนากิจกรรมประเด็นวัฒนธรรมในแผนสุขภาพจังหวัดสงขลา
- รายงานพัฒนาโครงการประเด็นวัฒนธรรม
- รายงานการประชุมพัฒนากิจกรรมประเด็นวัฒนธรรมที่เอื้อต่อการสร้างสุขภาพ






