สงขลาพอเพียง : เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพจังหวัดสงขลา - Songkhla Health

หนุนเสริมภาคี ประสานความร่วมมือ

เรื่องเล่าจากเบลเยียม 54 : หอคอยโบราณแห่งบรูจจ์

photo  , 480x640 pixel , 28,913 bytes.

โดย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ

การจัดการเมืองในสมัยโบราณนั้น มีศาสตร์และศิลป์ที่น่าสนใจ เมืองโบราณเกือบทุกเมืองในโลกรวมทั้งบรูจจ์จะมีกำแพงเมืองสูงใหญ่รายล้อม พร้อมป้อมปืนใหญ่ตั้งอยู่เป็นระยะ มีการใช้คลองธรรมชาติหรือขุดคลองเป็นคูเมืองรอบนอกของกำแพง เพราะการทำสงครามระหว่างเมืองต่างๆนั้นเป็นเรื่องปกติในสมัยนั้น

ในเมืองใหญ่จะมีการสร้างหอคอยสูงใหญ่เพื่อแสดงฐานะของเมือง หอคอยแห่งบรูจจ์นั้นสูงใหญ่อย่างยิ่งในยุคนั้น และสามารถมองออกนอกเมืองไปได้ไกล เห็นความเป็นไปของทั้งเมืองทั้งหมด เป็นอาคารสูงแทงยอดสู่ฟ้าเคียงคู่มหาวิหารในยุคนั้น บนยอดหอคอยมีระฆังที่มีเสียง 4 เสียงเพื่อการสื่อสารของเมือง ซึ่งเป็นกลไกการจัดการเมืองที่สำคัญยิ่ง ระฆังแต่ละเสียงทำหน้าที่ต่างกันเช่น เสียงแรกเพื่อการบอกเวลาเพราะผู้คนไม่มีนาฬิกา เสียงที่สองเพื่อแจ้งเหตุไฟไหม้ซึ่งเป็นภัยคุกคามเมืองที่สำคัญมากและเกิดบ่อยเนื่องจากบ้านส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้หลังคาทำจากฟาง เสียงที่สามเพื่อบอกถึงเวลาปิดประตูเมือง ใครจะออกหรือเข้าเมืองก็ให้รีบมิเช่นนั้นต้องรอจนเช้าประตูเมืองจึงเปิดอีกครั้ง และเสียงที่สี่เพื่อการเรียกประชุมประชาชนของเมืองโดยที่หอคอยจะมีหน้ามุขที่คนสามารถขึ้นไปเพื่อตะโกนประกาศแจ้งข่าวแก่ชาวเมืองได้

เมืองในยุคกลางมีอำนาจรัฐที่เข้มแข็ง มีอำนาจศาสนจักรที่เข้มงวด ชีวิตผู้คนก็มีความยากลำบากไม่น้อย คนรวยในสมัยนั้นจะแสดงฐานะด้วยการบริจาคเงินทองจำนวนมากเพื่อสร้างถาวรวัตถุสร้างโบสถ์สร้างวิหาร และเขามักจะไม่สะสมของมีค่าไว้ที่บ้าน เช่นเมื่อซื้อภาพเขียนราคาแพงของจิตกรชื่อดังได้ เขาก็จะบริจาคให้กับโบสถ์หรืออาคารที่ทำการของเมือง เพื่อบอกให้สังคมรู้ว่าตนเองมีฐานะ ทรัพย์สมบัติและความมั่งคั่งจึงกระจายไปสู่ส่วนรวม แม้เมื่อตายไปแล้วหลายร้อยปี แต่ประวัติศาสตร์ก็ยังจารึกไว้ซึ่งชื่อของเขา ต่างจากเศรษฐีในยุคปัจจุบัน สะสมความมั่งคั่งไว้กับตัว สร้างบ้านซื้อรถราคาแพง เมื่อจากโลกนี้ไปเรื่องราวชีวิตของเขาก็ถูกลืม ไม่มีสิ่งใดให้โลกจารึกและจดจำ

Relate topics

ขออภัย ขณะนี้เว็บไซท์ของดการสร้างหัวข้อใหม่และการแสดงความคิดเห็นไว้ชั่วคราว