นี่คือนิทานชายขอบ เรื่อง “แพะกินเสือ”
มนัส จันทร์ณรงค์ (12/07/52)
ราวป่าแห่งหนึ่ง วันนี้อากาศร้อนอบอ้าวตั้งแต่แสงอาทิตย์ผ่านพ้นยอดเขานมสาว หริ่งเรไรไม่กล่อมป่าเหมือนเช่นทุกวัน ในถ้ำริมสายน้ำห้วยขี้ค้อน อันเป็นที่อาศัยของแพะแม่ลูกอ่อน หลังจากออกไปหาหญ้าอ่อนริมธารตั้งแต่น้ำค้างยังไม่แห้ง เมื่ออิ่มหญ้า อิ่มน้ำแล้ว หัวอกของแม่แพะ ก็เป็นห่วงลูกซึ่งอยู่ในช่วงเวลาให้นม แต่วันนี้อากาศร้อนกว่าทุกวัน เมฆฝนตั้งเค้าทะมึนมาจากทิศหัวนอน เมื่อไปถึงถ้ำด้วยความหิวและอากาศร้อนผิดปกติ เจ้าลูกแพะส่งเสียงร้องดังก้องหุบเขา
แม่แพะก็ปรามลูกว่า “อย่าร้องดังไป เดี๋ยวเสือได้ยิน เห็นว่ามันเข้ามาหากินในป่าของเรา” พูดไม่ทันขาดคำ ที่ปากถ้ำก็ปรากฏเงา ของเจ้าลายพาดกลอนตัวโต ที่เดินตามเสียงของลูกแพะมา ส่วนแม่แพะ กลัวเสือก็กลัว เมื่อข่มความกลัวได้ ก็เอ่ยเสียงดังคับถ้ำว่า “เอ...! เจ้าลูกดื้อ ยังส่งเสียงร้องอยู่ได้ เมื่อตอนเช้าเจ้ากินเสือไปตัวหนึ่งแล้วยังไม่อิ่มอีกหรือ แม่ไม่รู้จะไปหาเสือมาจากที่ไหน ตอนนี้เสือยิ่งหายากเข้าไปทุกวันแล้ว"
เจ้าเสือเมื่อได้ยินดังนั้นก็ตกใจกลัว ออกวิ่งหนีไปสุดกำลัง โดยลืมรักษาฟอร์มเจ้าป่า เลยละ ...วิ่ง ๆ วิ่ง จนเหนื่อย ก็เลยหยุดพัก ที่ใต้ต้นขี้ค้อนใหญ่ บนต้นไม้มีเจ้าลิงตัวหนึ่ง กำลังเพลิดเพลินกับการเก็บกินเมล็ดลูกขี้ค้อน เมื่อเห็นเสือวิ่งมาหยุดเหนื่อย หน้าซีด ตัวสั่น ก็เอ่ยถามไปว่า “พี่เสือ พี่หนีอะไรมาเห็นวิ่งหน้าตั้งมาเชียว" เสือก็ตอบว่า "วิ่งหนีลูกแพะที่หน้าถ้ำเขานมสาวมา มันจะกินเสือ" เจ้าลิงก็สงสัย ว่าแพะที่ไหนจะมากินเสือจึงถามว่า "มันจะเป็นไปได้อย่างไร พี่เสือนะ เป็นเจ้าป่า แล้วลูกแพะที่ไหน จะกล้ากินเสือ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พี่เสือกลับไปดูใหม่กับผม"
เจ้าเสือ เลยคิดว่า เจ้าลิงจอมหลอก ถ้ามันไปกับเรา บางที่มันอาจหนีเราขึ้นต้นไม้เสียก็ได้อย่ากระนั้นเลย เราต้องหาข้อผูกมัดอย่าให้เจ้าลิง หลอกได้ "เอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้าลิงถ้าจะกลับไปดูเจ้าจงเอา หางของเจ้าผูกมัดติดกับหางของเรา เจ้าจะตกลงไหม" ริมห้วยขี้ค้อน วันนั้น สัตว์น้อยใหญ่ พากันแปลกใจ ที่เห็นเจ้าป่า เดินผ่านไปโดยมีเจ้าลิงขี่มาบนหลัง
เมื่อเดินกันไปโดย เจ้าลิงนั่งขี่เสือ จนไปถึงปากถ้ำ อันเป็นถิ่นพำนัก ของแพะแม่ลูกอ่อนเพียงปรากฏกายที่หน้าถ้ำ แม่แพะเพียงเหลือบมองด้วยหางตา ก็รู้ว่าอันตรายมาถึงตัวและลูกอีกแล้ว เจ้าลูกแพะเมื่อเห็นเสือก็ตัวสั่นแอบซบ อกแม่ หวังหาที่คุ้มครองป้องตัว แต่เมื่อสังเกตว่า บนหลังเจ้าเสือ มีลิงนั่งมาด้วยเลยทำใจดีสู้เสือ(จริง ๆ ) ตวาดออกไปด้วยเสียงอันดังว่า "อ้อ ! เจ้าลิง เราใช้เจ้าตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว ให้ไปเอาเสือมาให้ลูกเรา กินจนป่านนี้แล้ว เจ้าเพิ่งหามาได้ตัวเดียว ลูกเราหิวจนตาลายแล้ว บางครั้งหิวมาก ๆ มันจะกินลิงอีก เดี๋ยวจะหาว่าเราไม่เตือน"
ด้วยความตกใจ เจ้าเสือจึงออกวิ่งไปด้วยความเร็วตามพลังเจ้าป่าที่มี จนกระทั่งวิ่งชนต้นไม้ ตายทั้งลิงทั้งเสือเลยละ..
ภาคผนวก มีด้วยเหรอ ภาคผนวกของนิทาน...บางคนถาม ขอตอบว่า ต้องขออนุญาต มี
สายน้ำจากเขานมสาว ยังไหลลงสู่ห้วยขี้ค้อนอยู่ชั่วนาตาปี ไม่เคยเหือดแห้ง ...ไหลลงสู่ชุมชนปลายสายตรี และปลายสายเอก เพื่อเพิ่มพูนวิถี คนชายขอบ คนริมควน ริมเขาเพียงเพื่อปากท้อง สังคม ความชอบ และอีกหลากหลาย เจ้าลิงมากมายได้เดินทางไปที่ริมควนอันเป็นแหล่งพำนักของเจ้าเสือริมเขา.....เพียงจะบอกว่า วิถี ที่เสือทำอยู่ นี้คือวิถีของกาอนุรักษ์เจ้าลิงจากหน่วยงานระดับจังหวัดจนถึงระดับประเทศ แวะเวียนเข้าไปกระโดดขึ้นหลังเสือเพื่อบอกเสือว่า...ยังมีแม่แพะ กับ ลูกแพะ อยู่ในป่า ...
ถามกันตรง ๆ ครับว่า ........ลูกแพะมันกินเสือหรือไม่ถามใครดี ถามเสือ หรือ ถามลิง ?
.....ริมห้วยขี้ค้อน วันนั้น สัตว์น้อยใหญ่ พากันแปลกใจ ที่เห็นเจ้าป่า เดินผ่านไปโดยมีเจ้าลิงขี่มาบนหลัง ลิงในที่นี้มันเอาหางเสือผูกกับหางของมันเอง ก่อนจะลงก็ต้องแก้หางที่มัดกันไว้แต่ถ้าจะถามว่า ใครเสือ ใครลิง ใครแพะแม่ แพะลูก ตอบยาก
คงมีเพียงเรื่องเล่าดังจะให้ทัศนาต่อดังนี้แล..
เช้าวันหนึ่ง ริมธารน้ำแห่งนั้น เจ้าลิงจากหน่วยงานภาครัฐนำเรื่องมาบอกเสือว่า มีงบประมาณสำหรับทำฝายชะลอน้ำมาฝาก ขอให้รวบรวมฝูงเสือให้หน่อย จะเอาทีวีFive (ขออภัยที่เอ่ยถึง)มาเป็นขวัญเป็นกำลังใจให้ฝูงเสือด้วยข้างฝ่ายหัวหน้าเสือ ก็นัดประชุมฝูง สอบถามความเห็น เสือเฒ่าตัวหนึ่งถามในที่ประชุมว่า"เขาเอาซั้ง(ฝาย)มาฝาก เพียงน้ำมาหนเดียวก็พังหาซากไม่เจอแล้วเพราะป่าเขาบ้านเราพื้นดินเป็นหินดาด(แปลว่าแกรนิต-ความเห็นของลิง)ควรทำฝายน้ำล้นมากกว่า จะได้ ต่อน้ำจากภูเขา มาปลูกถั่ว ปลูกแฟง หัวหน้าเสือเมื่อได้ยินความคิดเห็นของเสือเฒ่า ด้วยความเกรงใจเจ้าลิงจากภาครัฐ เลยนำความมาปรึกษาลิงที่ใช้ชื่อว่า.....กลุ่มศึกษาและอนุรักษ์ฯ
ถามว่า....ลิงคือใคร....ตอบยาก
ถามว่า...เสือคือใคร ขอตอบว่าคนในพื้นที่คือ"เสือของทุก ๆ ที่ที่คุณไปถึง"
ได้สดับมา"ฝายกันน้ำที่ท่าน(ลิงจากส่วนกลาง)เห็นอยู่นี้คือจุดเริ่มต้นของโครงการที่ของบไป"
ได้สดับมา(เมื่อสองปีก่อน)สมาชิกเสือตัวหนึ่งบอกว่า"ถ้าฝายนี้สำเร็จเราจะชำแหละวัวหนึ่งตัว"
ต้องมีคำตอบเรื่องแม่แพะ กับลูกแพะสักหน่อย.....ในความเห็นของลิง! เอ้อยไม่ใช่ ของคนภูเขา
แพะในที่นี้คือความไม่รู้ ไม่เข้าใจในวิถี ขอรับ..........
Relate topics
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 82: เภสัชวิทยาแห่งดอกดิจิทัลลิส
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 81: ประปาดื่มได้
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 80 : วัวนมกับเกษตรวิถีแห่งโลกตะวันตก
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 79: ทุ่ง rapeseed กับคุณลุงชไมเซอร์
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 78: บรัสเซลส์ เมืองหลวงแห่งยุโรป
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 77 : ประท้วง สิทธิในการแสดงออกที่ต้องขออนุญาต
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 76 : แต่ระบบสวัสดิการสังคมในยุโรปกำลังสั่นคลอน
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 75 : ย่านโคมแดง แข่งแสงจันทร์
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 74 : เวลา นาฬิกา และชีวิตที่ต้องเดินเร็ว
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 73: หลังคาพลังแสงอาทิตย์